นครนายก 27 ก.พ.-ทีมข่าวสำนักข่าวไทย อสมท ยังคงเกาะติดเหตุการณ์หมีควายตกเฮลิคอปเตอร์ตาย ขณะเจ้าหน้าที่ขนย้ายไปปล่อยสู่ธรรมชาติ ด้านอธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และวันนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าให้ข้อเท็จจริงแล้ว ยืนยันเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง ขอเวลา 1 เดือน เพื่อสรุปหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง
สำนักข่าวไทย อสมท ทำกราฟฟิกภาพจำลองจุดเกิดเหตุหมีควายน้ำหนักประมาณ 80 กิโลกรัม ตกเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขณะขนย้ายนำไปปล่อยเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยเจ้าหน้าที่วางยาสลบหมี ก่อนนำไปใส่ตาข่ายมัดติดกับท้องเฮลิคอปเตอร์ บินขึ้นจากศูนย์ช่วยเหลือสัตย์ป่าภาคกลางจังหวัดนครนายก หลังจากบินขึ้นได้ประมาณ 10 กิโลเมตร อยู่เหนือเขาช่องลม ด้านหลังน้ำตกนางรอง รอยต่อกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ หมีเกิดฟื้นจากยาสลบจึงดิ้นขณะอยู่เหนือพื้นดินประมาณ 500 ฟุต ทำให้หมีตกลงมาตาย เจ้าหน้าที่นำไปเผาทำลายซาก เหตุเกิดระหว่างวันที่ 11-12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ขณะที่ทีมข่าวสำนักข่าวไทย นำโดรนไปบินสำรวจบริเวณเกิดเหตุ ด้านหลังที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่พบเป็นป่าเบญจพรรณรกทึบ พื้นดินค่อนข้างแข็ง โดยหมีตกลงจากเฮลิคอปเตอร์ความสูงประมาณ 500 ฟุต หรือประมาณ 150 เมตร อาจเป็นสาเหตุทำให้ตายได้
ส่วนที่ศูนย์ช่วยเหลือสัตย์ป่าภาคกลาง จ.นครนายก พบว่ายังคงมีหมีควายเหลืออีก 1 ตัว รอการเคลื่อนย้าย และมีสัตว์ชนิดอื่นที่ถูกนำมาพักฟื้นเป็นจำนวนมาก โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลแต่อย่างใด และหมีตัวที่ตกจากเฮลิคอปเตอร์ ก่อนเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่เลี้ยงไว้ที่กรงใกล้กับหมีตัวที่เหลืออยู่ สาเหตุที่ต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ขนย้าย เนื่องจากเส้นทางการขนย้ายรถยนต์ไม่สามารถเข้าไปได้
หลังเกิดเหตุนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และวันนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าให้ข้อเท็จจริงแล้ว ยืนยันเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เหนือการควบคุม ขอเวลา 1 เดือน เพื่อสรุปหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย