กรุงเทพฯ 3 มี.ค. – กรมประมงหนุนนโยบายกระทรวงเกษตรฯ เร่งนำร่องเปิดธนาคารสินค้าประมงปีนี้ 20 ธนาคาร ยกระดับสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนเกษตรกร
นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า กรมประมงจัดทำโครงการธนาคารผลผลิตเกษตรด้านการประมง เพื่อร่วมขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการบริหารจัดการผลผลิตทางการเกษตร เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนเกษตรกร โดยในส่วนของกรมประมงมีเป้าหมายที่จะจัดตั้งธนาคารผลผลิตเกษตรด้านการประมง ซึ่งจะนำร่องในเขตพื้นที่ภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือภายในปี 2560 จำนวน 20 ธนาคาร ใน 20 ชุมชน ของ 20 จังหวัด ประกอบด้วย 7 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน ตาก พะเยา กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ และ 13 จังหวัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ สกลนคร นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ นครพนม บุรีรัมย์ บึงกาฬ มุกดาหาร ยโสธร และอำนาจเจริญ เพื่อให้ชุมชนเกษตรกรแต่ละพื้นที่มีความเข้มแข็งและสามารถบริหารจัดการผลผลิตทางการเกษตรด้านการประมงให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยอาศัยแหล่งน้ำชุมชนเป็นศูนย์กลางในการบริหารจัดการ เน้นให้ความรู้การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแก่ชุมชน ซึ่งสามารถรองรับความต้องการบริโภคอาหารสัตว์น้ำของชุมชน และสร้างรายได้เพื่อความมั่นคงทางอาหารให้กับชุมชนเกษตรกรได้ต่อไป
สำหรับระยะแรกกรมประมงคัดเลือกแหล่งน้ำเป้าหมาย พร้อมจัดประชุมประชาคมชุมชนที่เกี่ยวกับโครงการฯ การคัดเลือกแต่งตั้งคณะกรรมการธนาคารและเตรียมแหล่งน้ำเพิ่มอาหารธรรมชาติ อนุบาลและปล่อยสัตว์น้ำจืดเพื่อเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งน้ำเป้าหมาย โดยจะสนับสนุนปัจจัยการผลิตให้แก่ชุมชน ประกอบด้วยพันธุ์สัตว์น้ำจืด อาทิ ปลาสวาย ปลายี่สกเทศ ปลาจีน ปลานวลจันทร์เทศ ปลาตะเพียน ปลานิล และกุ้งก้ามกราม เป็นต้น รวมทั้งอาหารที่ใช้อนุบาลสัตว์น้ำก่อนปล่อยและเมื่อมีผลผลิตสัตว์น้ำเกิดขึ้นในแหล่งน้ำชุมชนแล้วจะมีการบริหารจัดการผลผลิตแบบหุ้นส่วนในรูปแบบระบบธนาคาร มีการปันผลประโยชน์ร่วมกันผ่านกลไกความร่วมมือ การประสานงานและสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพจากคณะกรรมการธนาคารในชุมชนเป้าหมาย ภายใต้การมีส่วนร่วมของชุมชนและสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า จากการดำเนินโครงการฯ ดังกล่าวคาดว่าจะสามารถผลิตอาหารโปรตีนจากสัตว์น้ำได้ไม่ต่ำกว่า 200 กิโลกรัมต่อไร่ ทำให้ชุมชนมีความมั่นคงทางอาหารมากขึ้นประชาชนมีรายได้เสริม มีอาหารโปรตีนประเภทปลาพอเพียงต่อการบริโภค อีกทั้งมีการใช้แหล่งน้ำชุมชนเพื่อเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้ชุมชนเกษตรกรมีความเข้มแข็งสามารถบริหารจัดการผลผลิตการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน .-สำนักข่าวไทย