กรุงเทพฯ 20 พ.ย. – เกษตรฯ เร่งยกระดับมาตรฐานศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบกว่า 200 ศูนย์ ก่อนบังคับใช้เดือนตุลาคม 60 คาดช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นคุณภาพการผลิตนมทั้งระบบ และสร้างเสถียรภาพราคาน้ำนมดิบให้กับเกษตรกรดีขึ้น
พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า การเลี้ยงโคนมและการผลิตน้ำนมจัดเป็นอาชีพที่สำคัญและเป็นผลผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงส่งเสริมและสนับสนุนอาชีพการเลี้ยงโคนมของเกษตรกร เพื่อให้มีรายได้และมีอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืน ทำให้ไทยเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ประสบความสำเร็จด้านการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมและการบริโภคนมของคนไทย ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
ดังนั้น สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) จึงได้ยกระดับมาตรฐานการปฏิบัติที่ดีสำหรับศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบเข้าสู่มาตรฐานบังคับ ซึ่งจะเป็นแนวปฏิบัติสำหรับศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบที่มีกว่า 200 ศูนย์ ในการรักษาคุณภาพน้ำนมดิบและลดความเสี่ยงการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์และสารเคมี เพื่อให้ได้น้ำนมดิบที่มีคุณภาพ ถูกสุขลักษณะ และได้วัตถุดิบที่มีความปลอดภัยป้อนเข้าสู่โรงงานแปรรูป ล่าสุดขณะนี้มาตรฐานบังคับดังกล่าวได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2559 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป
ด้าน น.ส.ดุจเดือน ศศะนาวิน เลขาธิการ มกอช. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแนวทางปฏิบัติเมื่อมาตรฐานดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้ว ศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบต้องมีการดำเนินการที่ได้ควบคุมการรับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกร การผลิตและเก็บรักษาน้ำนมดิบอย่างถูกสุขลักษณะ ทำความสะอาดเครื่องจักรและอุปกรณ์อย่างเหมาะสม มีการตรวจสอบคุณภาพน้ำนมดิบ รวมทั้งผู้ปฏิบัติงานและผู้ขนส่งน้ำนมดิบต้องมีสุขลักษณะส่วนบุคคลที่ดีในขณะปฏิบัติงาน เพื่อป้องกันการปนเปื้อนที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค ซึ่งศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบส่วนใหญ่ปฏิบัติถูกสุขลักษณะและมีคุณภาพอยู่แล้ว จะมีเพียงศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบขนาดเล็ก 17 แห่งที่ต้องเร่งปรับปรุงแก้ไขให้ได้ตามมาตรฐาน ซึ่ง มกอช.จะร่วมกับกรมปศุสัตว์พัฒนาศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบต้นแบบ 2 แห่ง ได้แก่ จังหวัดขอนแก่นและประจวบคีรีขันธ์ เป็นแนวทางในการพัฒนาศูนย์รวบรวมน้ำดิบให้เข้าสู่ระบบมาตรฐานทั้งหมดให้เสร็จภายในปี 2560 นอกจากนี้ มกอช.จะเร่งจัดหน่วยบริการเคลื่อนที่ให้ความรู้ รายละเอียด ข้อกำหนด วิธีการปฏิบัติ รวมถึงให้คำปรึกษาแนะนำ แก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ รวมถึงให้บริการรับคำขอใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบการศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบก่อนเข้าสู่มาตรฐานบังคับในปี 2560
“ปัจจุบันมีศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบของสหกรณ์โคนมและภาคเอกชน 232 ศูนย์ทั่วประเทศ รับซื้อน้ำนมดิบ ปีละประมาณ 1 ล้านตัน เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มป้อนตลาดภายในประเทศและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ กัมพูชา ลาว และพม่า เป็นต้น และน้ำนมดิบส่วนหนึ่งยังผลิตเป็นผลิตภัณฑ์นมในโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน จึงจำเป็นต้องควบคุมคุณภาพน้ำนมดิบให้ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค” น.ส.ดุจเดือน กล่าว