เมืองทองธานี 14 ธ.ค.-นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เปิดการประชุมสัมมนา จัดทำงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ยึดศาสตร์พระราชา เป็นหลัก ขับเคลื่อนให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ทำโครงสร้างพื้นฐานประเทศ เชื่อมโยงทุกมิติ เป็นประเทศพัฒนาเท่าเทียมประเทศอื่น ยังไม่ปลดล็อกพรรคการเมือง ตราบใดที่ไม่ให้ความร่วมมือรัฐบาล
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธี เปิดการประชุมสัมมนาและมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 และการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2560 เพิ่มเติม ให้แก่ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารหน่วยงานอื่น ผู้ว่าราชการจังหวัด และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี
การประชุมสัมมนาครั้งนี้ มีหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ๆ รวมประมาณ 1,500 คน ที่มารับทราบนโยบาย หลักเกณฑ์ในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อใช้เป็นกรอบและทิศทางในการบริหารประเทศในปัจจุบันและอนาคต ให้ได้รับการขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิผล ต้องทำให้สอดคล้องและเชื่อมโยงกับร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ในระยะ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 นโยบายรัฐบาล นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ นโยบายบริหารราชการแผ่นดิน และ วาระการปฏิรูปประเทศของสภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปช.) และแผนหลักอื่น ๆ ของประเทศ
โดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางและการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการ ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 จะมีแผนงานบูรณาการจำนวน 28 เรื่อง เช่นการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก การพัฒนาศักยภาพการผลิตด้านการเกษตร การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ การพัฒนาระบบประกันสุขภาพ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนเข้มแข็ง เป็นต้น ซึ่งรัฐบาลจะให้ความสำคัญกับงบประมาณบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ กำหนดให้ส่งคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2560 เพื่อให้การจัดทำงบประมาณดังกล่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกัน อย่างถูกต้อง เหมาะสม ต่อไป
นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เพิ่มเติม วงเงิน 190,000 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปใช้ดำเนินโครงการตามแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด ในการขับเคลื่อนการพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างยั่งยืน ตามศักยภาพพื้นที่พัฒนาอาชีพ ยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตประชาชนในทุกภูมิภาค วงเงินประมาณ 100,000ล้านบาท
ซึ่งกลุ่มจังหวัดจะประชุมร่วมกับกระทรวง กรม และ หน่วยงานกลางด้านโยบาย จัดทำข้อเสนอโครงการให้เสร็จภายในวันที่ 28 ธันวาคม 2559 จะต้องเป็นโครงการที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในพื้นที่ ไม่ใช่การเฉลี่ยแบ่งกันระหว่างจังหวัด อำเภอตำบล หมู่บ้าน โดยสำนักงบประมาณจะจัดทำร่างพระราชบัญญัติเสนอคณะรัฐมนตรี ภายในวันที่ 17 มกราคม 2560
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงงานเวลา 09.30 น. และกล่าวมอบนโยบายในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 แก่ผู้เข้าร่วมงาน ว่า วันนี้ประเทศกำลังเดินไปข้างหน้า จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วนประสานงานให้สอดคล้องและมองอนาคตวางแผนอย่างยั่งยืนด้วยกัน โดยไม่คำนึงถึงตัวตนและวัฒนธรรมองค์กรมากเกินไป ประเทศไทยแม้จะเป็นประเทศเล็ก ๆ แต่ถือเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของภูมิภาค ที่จะต้องพัฒนาศักยภาพให้ได้สูงสุดในทุกมิติ เนื่องจากในอนาคตจะมีโครงการต่าง ๆ ที่สำคัญ ๆเกิดขึ้นมากมาย ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องบูรณาการทำงานร่วมกัน สร้างความหวัง สร้างอนาคตให้กับประเทศไทย ให้สมกับที่ประชาชนฝากความหวังไว้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ทุกภาคส่วน มาประชุมนำแผนงบประมาณปี 2560 เพื่อมาปรับปรุงแก้ไข เพราะที่ผ่านมามีปัญหามากพอสมควร เราจึงต้องน้อมนำศาสตร์พระราชา 3 ห่วง 2 เงื่อนไขมาปฎิบัติให้ได้ โดยเน้นหลักเศรษฐกิจพอเพียง พอประมาณ ภายใต้หลักคุณธรรม มาใช้ในการปฎิบัติงาน ขณะที่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือภูมิคุ้มกันมีความรู้จะเป็นสิ่งที่ทำให้เราเกิดการพัฒนาไม่ล้มเหลวอย่างที่ผ่านมา รวมถึงการจัดทำงบประมาณรายจ่ายจะต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ ให้ประเทศไทยพัฒนาไปอย่างยั่งยืน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลดำเนินการทั้งหมดนั้นเป็นเป็นการพัฒนาระยะยาว เพื่อทำโครงสร้างพื้นฐานประเทศ เชื่อมโยงทุกมิติเพื่อก้าวสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนให้ประเทศตั้งหลักเป็นประเทศที่พัฒนาเท่าเทียมกับประเทศอื่น ๆ นับจากนี้ไปประเทศไทยจะต้องไม่นำเอาปัญหาที่เคยเกิดขึ้นมาสร้างทำให้เกิดอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ และอยากให้ทุกคนนึกภาพประเทศไทยอยู่ท่ามกลางอนาคตที่สดใสและมีการพัฒนา
“ในหลวงรัชกาลที่ 10 ได้พระราชทานให้น้อมนำศาสตร์พระราชา ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาปฎิบัติ และมีรับสั่งว่ารัฐบาลต้องทำหน้าที่ให้ประชาชนมีความสุขมากที่สุด ขอให้สืบสานพระราชปณิธานของในหลวงรัชกาลที่9 ต่อไป ไม่ให้เสื่อมถอย ทั้งเรื่องการศึกษา การสาธารณสุข การพัฒนาคุณภาพชีวิต และความสงบสุข ต้องมีขึ้นในทุกพื้นที่ ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้นของในหลวงรัชกาลที่ 10 และเรายังต้องพัฒนาประเทศให้ มั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน ตามยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งแต่ละกระทรวงต้องไปหาจุดเชื่อมโยงมาให้ตรงกับยุทธศาสตร์ชาติ ในหลวงรัชกาลที่9 ทรงเคยรับสั่งว่าการพัฒนาของประเทศไทย ต้องนำแบบแผนตะวันออกมาผสมผสานกับตะวันตก เพื่อการพัฒนาที่รอบด้านและยั่งยืน เราจึงต้องพัฒนาโดยทำทุกอย่างแบบคู่ขนาน ซึ่งต้องเข้าใจอย่างท่องแท้ก่อนนำไปสู่การปฎิบัติจริงด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม้สถานการณ์ประเทศจะเริ่มผ่อนคลายแต่ยืนยันยังไม่ปลดล็อดให้กลุ่มพรรคการเมืองเคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรมใดได้ตราบใดที่ยังไม่ให้ความร่วมมือ ไม่มาแสดงความคิดเห็นร่วมกับรัฐบาลและจะล็อคให้แน่นกว่าเดิมอีก หลังจากที่ผ่านมา กลุ่มการเมืองพยายามที่จะร้องขอให้ คสช. เปิดโอกาสให้จัดกิจกรรมทางการเมือง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า งบประมาณปี 2561 จะเพิ่มเติมให้กลุ่มจังหวัดเพื่อคิดโครงการที่ไม่เคยทำให้เกิดประโยชน์ แบบบูรณาการโดยดึงประชาชนเป็นศูนย์กลาง แต่ทุกหน่วยงานต้องไปคิดมา และมานำเสนอของบต่อไป ตนจะออกคำสั่งให้สำนักปลัดกระทรวงทุกกระทรวง แต่งตั้งบุคคลขึ้นมาทำหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการงบประมาณของแต่ละกระทรวงเป็นการเฉพาะ และบุคลเหล่านี้จะต้องชี้แจงและตอบคำถามได้เมื่อเรียกมาสอบถาม ซึ่งหลังจากนี้ตนจะเรียกประชุม หากบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งจากปลัดกระทรวง ไม่สามารถชี้แจงได้ ตนจะเรียกปลัดกระทรวงมาสอบถาม หากปลัดกระทรวง ตอบไม่ได้ จะให้พ้นจากตำแหน่งปลัดทันที .-สำนักข่าวไทย