นายกฯประชุมจัดทำงบประมาณ ยันทำประเทศให้พัฒนายั่งยืน

_45645885เมืองทองธานี 14 ธ.ค.-นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เปิดการประชุมสัมมนา จัดทำงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561  ยึดศาสตร์พระราชา เป็นหลัก ขับเคลื่อนให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ  20 ปี ทำโครงสร้างพื้นฐานประเทศ เชื่อมโยงทุกมิติ เป็นประเทศพัฒนาเท่าเทียมประเทศอื่น ยังไม่ปลดล็อกพรรคการเมือง ตราบใดที่ไม่ให้ความร่วมมือรัฐบาล


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธี เปิดการประชุมสัมมนาและมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 และการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2560 เพิ่มเติม ให้แก่ รองนายกรัฐมนตรี  รัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารหน่วยงานอื่น ผู้ว่าราชการจังหวัด และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง  ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี

การประชุมสัมมนาครั้งนี้ มีหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ๆ รวมประมาณ 1,500 คน ที่มารับทราบนโยบาย หลักเกณฑ์ในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อใช้เป็นกรอบและทิศทางในการบริหารประเทศในปัจจุบันและอนาคต ให้ได้รับการขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิผล  ต้องทำให้สอดคล้องและเชื่อมโยงกับร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ในระยะ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 นโยบายรัฐบาล นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ นโยบายบริหารราชการแผ่นดิน และ วาระการปฏิรูปประเทศของสภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปช.) และแผนหลักอื่น ๆ ของประเทศ


โดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางและการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการ ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 จะมีแผนงานบูรณาการจำนวน 28 เรื่อง เช่นการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก  การพัฒนาศักยภาพการผลิตด้านการเกษตร  การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ การพัฒนาระบบประกันสุขภาพ  การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและชุมชนเข้มแข็ง เป็นต้น ซึ่งรัฐบาลจะให้ความสำคัญกับงบประมาณบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์  กำหนดให้ส่งคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561 ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2560 เพื่อให้การจัดทำงบประมาณดังกล่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกัน อย่างถูกต้อง เหมาะสม ต่อไป

นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายเกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เพิ่มเติม วงเงิน 190,000 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปใช้ดำเนินโครงการตามแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด ในการขับเคลื่อนการพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างยั่งยืน ตามศักยภาพพื้นที่พัฒนาอาชีพ ยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตประชาชนในทุกภูมิภาค วงเงินประมาณ 100,000ล้านบาท

ซึ่งกลุ่มจังหวัดจะประชุมร่วมกับกระทรวง กรม และ หน่วยงานกลางด้านโยบาย จัดทำข้อเสนอโครงการให้เสร็จภายในวันที่ 28 ธันวาคม 2559 จะต้องเป็นโครงการที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในพื้นที่ ไม่ใช่การเฉลี่ยแบ่งกันระหว่างจังหวัด อำเภอตำบล หมู่บ้าน โดยสำนักงบประมาณจะจัดทำร่างพระราชบัญญัติเสนอคณะรัฐมนตรี ภายในวันที่ 17 มกราคม 2560


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  นายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงงานเวลา 09.30 น. และกล่าวมอบนโยบายในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 แก่ผู้เข้าร่วมงาน ว่า วันนี้ประเทศกำลังเดินไปข้างหน้า จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วนประสานงานให้สอดคล้องและมองอนาคตวางแผนอย่างยั่งยืนด้วยกัน โดยไม่คำนึงถึงตัวตนและวัฒนธรรมองค์กรมากเกินไป  ประเทศไทยแม้จะเป็นประเทศเล็ก ๆ แต่ถือเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของภูมิภาค ที่จะต้องพัฒนาศักยภาพให้ได้สูงสุดในทุกมิติ เนื่องจากในอนาคตจะมีโครงการต่าง ๆ ที่สำคัญ ๆเกิดขึ้นมากมาย ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องบูรณาการทำงานร่วมกัน  สร้างความหวัง สร้างอนาคตให้กับประเทศไทย ให้สมกับที่ประชาชนฝากความหวังไว้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ทุกภาคส่วน มาประชุมนำแผนงบประมาณปี 2560 เพื่อมาปรับปรุงแก้ไข เพราะที่ผ่านมามีปัญหามากพอสมควร เราจึงต้องน้อมนำศาสตร์พระราชา 3 ห่วง 2 เงื่อนไขมาปฎิบัติให้ได้ โดยเน้นหลักเศรษฐกิจพอเพียง พอประมาณ ภายใต้หลักคุณธรรม มาใช้ในการปฎิบัติงาน ขณะที่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือภูมิคุ้มกันมีความรู้จะเป็นสิ่งที่ทำให้เราเกิดการพัฒนาไม่ล้มเหลวอย่างที่ผ่านมา รวมถึงการจัดทำงบประมาณรายจ่ายจะต้องพิจารณาให้สอดคล้องกับปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ ให้ประเทศไทยพัฒนาไปอย่างยั่งยืน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลดำเนินการทั้งหมดนั้นเป็นเป็นการพัฒนาระยะยาว เพื่อทำโครงสร้างพื้นฐานประเทศ เชื่อมโยงทุกมิติเพื่อก้าวสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนให้ประเทศตั้งหลักเป็นประเทศที่พัฒนาเท่าเทียมกับประเทศอื่น ๆ นับจากนี้ไปประเทศไทยจะต้องไม่นำเอาปัญหาที่เคยเกิดขึ้นมาสร้างทำให้เกิดอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ และอยากให้ทุกคนนึกภาพประเทศไทยอยู่ท่ามกลางอนาคตที่สดใสและมีการพัฒนา

“ในหลวงรัชกาลที่ 10 ได้พระราชทานให้น้อมนำศาสตร์พระราชา ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาปฎิบัติ และมีรับสั่งว่ารัฐบาลต้องทำหน้าที่ให้ประชาชนมีความสุขมากที่สุด ขอให้สืบสานพระราชปณิธานของในหลวงรัชกาลที่9 ต่อไป ไม่ให้เสื่อมถอย ทั้งเรื่องการศึกษา การสาธารณสุข การพัฒนาคุณภาพชีวิต และความสงบสุข ต้องมีขึ้นในทุกพื้นที่ ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้นของในหลวงรัชกาลที่ 10 และเรายังต้องพัฒนาประเทศให้ มั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน ตามยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งแต่ละกระทรวงต้องไปหาจุดเชื่อมโยงมาให้ตรงกับยุทธศาสตร์ชาติ ในหลวงรัชกาลที่9 ทรงเคยรับสั่งว่าการพัฒนาของประเทศไทย ต้องนำแบบแผนตะวันออกมาผสมผสานกับตะวันตก เพื่อการพัฒนาที่รอบด้านและยั่งยืน เราจึงต้องพัฒนาโดยทำทุกอย่างแบบคู่ขนาน ซึ่งต้องเข้าใจอย่างท่องแท้ก่อนนำไปสู่การปฎิบัติจริงด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม้สถานการณ์ประเทศจะเริ่มผ่อนคลายแต่ยืนยันยังไม่ปลดล็อดให้กลุ่มพรรคการเมืองเคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรมใดได้ตราบใดที่ยังไม่ให้ความร่วมมือ ไม่มาแสดงความคิดเห็นร่วมกับรัฐบาลและจะล็อคให้แน่นกว่าเดิมอีก หลังจากที่ผ่านมา กลุ่มการเมืองพยายามที่จะร้องขอให้ คสช. เปิดโอกาสให้จัดกิจกรรมทางการเมือง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า งบประมาณปี 2561 จะเพิ่มเติมให้กลุ่มจังหวัดเพื่อคิดโครงการที่ไม่เคยทำให้เกิดประโยชน์ แบบบูรณาการโดยดึงประชาชนเป็นศูนย์กลาง แต่ทุกหน่วยงานต้องไปคิดมา และมานำเสนอของบต่อไป ตนจะออกคำสั่งให้สำนักปลัดกระทรวงทุกกระทรวง แต่งตั้งบุคคลขึ้นมาทำหน้าที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการงบประมาณของแต่ละกระทรวงเป็นการเฉพาะ และบุคลเหล่านี้จะต้องชี้แจงและตอบคำถามได้เมื่อเรียกมาสอบถาม ซึ่งหลังจากนี้ตนจะเรียกประชุม หากบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งจากปลัดกระทรวง ไม่สามารถชี้แจงได้ ตนจะเรียกปลัดกระทรวงมาสอบถาม หากปลัดกระทรวง ตอบไม่ได้ จะให้พ้นจากตำแหน่งปลัดทันที .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย