กรุงเทพฯ 8 ก.ย. กสทฯเดินหน้าโครงการเคเบิลใต้น้ำหลังครม.อนุมัติ ปรับแผนและขยายระยะเวลาทุ่มลงทุน 5 พันล้านบาท ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของอาเซียน
พ.อ.สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2563 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ปรับแผนและงบประมาณในการดำเนินโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศกิจกรรมที่ 2 การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน ใน 2 กิจกรรมย่อย จากทั้งหมด 3 กิจกรรมย่อย งบประมาณทั้งโครงการ 5,000 ล้านบาท
สำหรับ 2 กิจกรรมย่อยที่ครม.อนุมัติให้ปรับแผนและงบประมาณ ประกอบด้วย กิจกรรมย่อยที่ 1. การจัดหาอุปกรณ์เพิ่มความจุโครงข่ายเชื่อมโยงไปยังชายแดน ซึ่งได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ทำให้ระบบเคเบิลใต้น้ำระบบเพชรบุรี-ศรีราชา หรือ Phetchaburi-Sriracha (PS) ไม่สามารถใช้งานได้ตามแผนที่ได้ออกแบบไว้ จึงมีความจำเป็นต้องปรับปรุงโครงข่ายด้วยการสร้างเส้นทางใหม่รองรับบ ใช้งบประมาณเพิ่ม 126 ล้านบาท แต่ยังอยู่ในงบประมาณของโครงการเนื่องจากโครงการนี้ใช้งบประมาณไม่ถึงกรอบวงเงินที่กำหนดตั้งแต่แรก คาดว่าจะเสร็จภายใน 3 เดือน
“แม้ว่าการปรับกรอบวงเงินของกิจกรรมย่อยที่ 1 ในครั้งนี้จะทำให้วงเงินเพิ่ม แต่เนื่องจากกิจกรรมย่อยที่ 2 ที่ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว ใช้งบประมาณต่ำกว่าวงเงินที่กำหนดไว้ จึงทำให้วงเงินของโครงการในภาพรวมยังคงอยู่ภายใต้กรอบวงเงินจำนวน 5,000 ล้านบาท ที่ครม.อนุมัติไว้” พ.อ.สรรพชัย กล่าวว่า
ส่วนกิจกรรมย่อยที่ 3 การร่วมก่อสร้างระบบเคเบิลใต้น้ำ ADC เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิการใช้งานวงจร 200 Gbps มีการลงนามในข้อตกลง Asia Direct Cable ( ADC) ซึ่งเงื่อนไขการดำเนินงานภายหลังลงนามจะดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายใน 32 เดือน และ กสท โทรคมนาคม จำเป็นต้องมีระยะเวลาในการตรวจรับอีกประมาณ 2 เดือน ทำให้จำเป็นต้องขยายระยะเวลาโครงการถึงปีงบประมาณ 2565
พ.อ.สรรพชัย กล่าวว่า โครงการเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน ดำเนินการตามมติครม.เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2559 งบประมาณ 5,000 ล้านบาทประกอบด้วย 3 กิจกรรมย่อย ได้แก่ งบประมาณ 2,000 ล้านบาท ในการขยายความจุโครงข่ายภายในประเทศเชื่อมโยงไปยังชายแดน เพื่อเชื่อมต่อประเทศกัมพูชา ลาว และ เมียนมา รวมความจุที่ขยายเพิ่ม 2300 Gbps งบประมาณ1,000 ล้านบาท ในการขยายความจุระบบโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศที่มีอยู่ในเส้นทางสิงคโปร์ จีน(ฮ่องกง) และสหรัฐอเมริกา จำนวน 3 ระบบ คือ AAG, APG, FLAG โดยรวมความจุที่ขยายเพิ่ม 1,770 Gbps และการลงทุนก่อสร้างเคเบิลใต้น้ำระหว่างประเทศระบบใหม่เพื่อเชื่อมโยงประเทศในเอเซียแปซิฟิก ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกงญี่ปุ่น ไทย จีน เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ งบประมาณ 2,000 ล้านบาท-สำนักข่าวไทย.