ผอ.ศูนย์อนามัยที่ 5 ราชบุรี แจงกรณีหญิงท้องเสียชีวิตหลังคลอด

ราชบุรี 25 ส.ค.- ผอ.ศูนย์อนามัยที่ 5 ราชบุรี แจงกรณีหญิงวัย 33 ปี เข้ารับการผ่าตัดคลอดบุตรแล้วเสียชีวิต หลังกลับไปพักฟื้นที่บ้าน พร้อมเร่งหาสาเหตุและรอผลชันสูตรทางนิติเวช ก่อนประชุมคณะกรรมการอนามัยแม่และเด็กระดับเขต คาดจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้


วันนี้ (25 ส.ค.) ที่ห้องประชุมศูนย์อนามัยที่ 5 ราชบุรี น.พ.วิเชียร ตันสุวรรณนนท์ ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 5 ราชบุรี และ นพ.สมเกียรติ อรุณภาคมงคล รองผู้อำนวยการศูนย์ด้านบริการ ชี้แจงกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.กฤษณา แย้มอยู่ อายุ 33 ปี ว่า น.ส.กฤษณา บ้านอยู่ที่ จ.สมุทรสงคราม คลอดบุตรที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ศูนย์อนามัยที่ 5 ราชบุรี เมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยแพทย์ผ่าตัดทำคลอดเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม และให้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจนสุขภาพดีขึ้น จากนั้นกลับไปพักฟื้นที่บ้าน ต่อมาวันที่ 17 สิงหาคม เกิดอาการตาค้าง ชักเกร็ง ทำให้นายกนก ขุนพรหม สามีของ น.ส.กฤษณา พาตัวส่งโรงพยาบาลแม่กลอง 2 จ.สมุทรสงคราม และ น.ส.กฤษณา เสียชีวิตเวลาต่อมา หลังจากนั้นพ่อของผู้เสียชีวิตเดินทางมาที่ที่สำนักงานทนายความคู่ใจ ถนนแจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เพื่อขอความช่วยเหลือจากนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เนื่องจากลูกสาวคลอดลูกแล้วเสียชีวิตระหว่างกลับมาพักฟื้นที่บ้าน

น.พ.วิเชียร กล่าวว่า จากการสืบประวัติพบว่าผู้เสียชีวิตตั้งท้องที่ 2 และครั้งนี้มารับบริการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพที่ 5 ก่อนผ่าตัดคลอดที่จุดฝากครรภ์ได้ตรวจวัดความดันพบว่ามีความดันสูง ไม่มีอาการปวดศีรษะ ตาพร่ามัว เบื้องต้นมีแค่ภาวะความดันสูงขณะตั้งครรภ์ จึงเป็นภาวะแทรกซ้อนของการผ่าตัด จากการที่ลูกดิ้นน้อยลงได้ส่งตรวจผลคลื่นหัวใจของเด็กในครรภ์พบว่าปกติอยู่ แต่มดลูกเรื่องของความดันอยู่ในช่วง 120 – 154 เมื่อเป็นเช่นนี้ได้มีการประเมินภาวะความพร้อมของแม่และเด็กในท้องด้วย จึงได้แจ้งให้ผู้ป่วยร่วมตัดสินใจในการผ่าตัดคลอด หลังผ่าตัดเด็กคลอดมาแล้วพบว่ามีภาวะเลือดออกค่อนข้างมากขณะผ่าตัด และตัวรกเกาะติดแน่นบริเวณด้านหน้ามดลูก ซึ่งเป็นรอยผ่าตัดคลอดครั้งที่แล้วจากที่กรุงเทพฯ ซึ่งการที่มีเลือดออกมากนั้นในการให้ยาเพื่อให้บีบรัดมดลูกแข็งตัว เพื่อให้เลือดออกน้อยลงเป็นข้อห้ามกรณีมีภาวะความดันสูง แพทย์จำเป็นต้องใช้เทคนิคการผ่าตัดเย็บมดลูกทางเทคนิค เป็นการป้องกันภาวะตกเลือดหลังคลอดจากที่ผ่าตัดมีเลือดออกแล้ว 600 ซีซี ถือว่าค่อนข้างมาก จึงจำเป็นต้องเย็บมดลูกเพื่อป้องกันภาวะตกเลือดหลังจากที่คลอดไปแล้ว โดยใช้เวลาผ่าตัดประมาณกว่า 30 นาที


“หลังผ่าตัดทั้งวันที่ 1 และ 2 ทำให้ความดันลดลงมาตามลำดับ และได้กลับบ้านไป โดยคุณแม่ได้พามาตรวจตามนัด ความดันของแม่เด็กยังมีสูงอยู่เล็กน้อย ประมาณ 150 ต่อมาอีกประมาณ 15 วัน หลังคลอดได้ทราบข้อมูลจากทางญาติว่า ผู้ป่วยได้ให้นมบุตรอยู่มีการพูดคุยปกติ ประมาณตี 4 ครึ่งมีอาการชักเกร็ง ได้มีการนำส่งโรงพยาบาลแม่กลอง 2 ทราบว่ามีการกู้ชีพตลอดทางและเสียชีวิตก่อนที่จะถึงโรงพยาบาลแม่กลอง 2 พอทราบเรื่องก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการประชุมหารือกันภายในโรงพยาบาลกัน พร้อมทำการตรวจวิเคราะห์ทั้งส่วนห้องผ่าตัดถือจุดความเสี่ยงต่าง ๆ ทั้งเรื่องผลทางนิติเวชทางโรงพยาบาลราชบุรี เพื่อหาสาเหตุ และรอผลการชันสูตรศพ ซึ่งจะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการอนามัยแม่และเด็กระดับเขต ซึ่งผลสรุปของคณะกรรมการ ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญหลายสาขาเข้ามาร่วม ผลเป็นอย่างไรคงได้ข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้” น.พ.วิเชียร กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตึกถล่มพบเสียชีวิตเพิ่ม

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่าง

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในพื้นที่โซน B และโซน C มีซากอาคารถล่มทับร่างอยู่ ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่างและค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารต่อเนื่อง

ชายวัย 50 ไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องเมียท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากตึก สตง.

ชายวัย 50 ปี ยกมือไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องภรรยาท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากอาคาร สตง.ถล่ม ด้านรอง ผบช.น. เตือนอย่าใช้โอกาสที่มีผู้ประสบเหตุสร้างความสงสารหลอกเอาทรัพย์สิน มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

ออกแล้ว! ผลตรวจเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่ม พบไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น

ผลตรวจตัวอย่างเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว พบได้มาตรฐาน 15 ชิ้น ไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น ยังไม่สรุปเป็นสาเหตุตึกถล่ม ชี้ต้องดูหลายองค์ประกอบ

ข่าวแนะนำ

พ่อขอของขวัญวันเกิดให้ลูกชายรอดชีวิตจากตึก สตง.ถล่ม

พ่อของหนุ่มขอนแก่น วัย 35 ปี หนึ่งในผู้สูญหายจากอาคาร สตง.ถล่ม ขอของขวัญวันเกิดให้ลูกชายรอดชีวิต ส่วนหนุ่มช่างประปา วัย 32 ปี เหยื่อตึก สตง.ถล่ม เผาแล้ว แม่ยังทำใจไม่ได้ สะอื้นไห้หน้าเมรุ

“ชัชชาติ” เผยเตรียมกู้ 5 ร่างที่พบ-ขนย้ายชิ้นส่วนอาคารแล้ว 100 ตัน

ผู้ว่าฯ กทม. เผยเตรียมกู้ 5 ร่าง จาก 14 ร่างที่พบ ขนย้ายชิ้นส่วนอาคารแล้ว 100 ตัน ยันไม่ขีดเส้นตายหยุดช่วยเหลือ ปรับแผนเพิ่มการรื้อถอนด้วยเครื่องจักรหนักควบคู่ไปมากขึ้น