รัฐสภา 28 พ.ย. –ที่ประชุมสปท.เห็นชอบรายงานผลการศึกษาและข้อสังเกตร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ที่เสนอให้ตั้งคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติขึ้นมาเป็นหน่วยงานกลางทำหน้าที่ป้องกันและวางแผนรับมือภัยคุกคามระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เตรียมส่งครม.พิจารณาต่อไป
การประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) วันนี้ (28พ.ย.) เริ่มขึ้นเวลา 09.30 น. มีร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสปท. ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน เรื่องผลการศึกษาและข้อสังเกตร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ โดยพล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร ประธานกรรมาธิการฯ นำเสนอรายงานว่า ผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการฯ พบว่าระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตของประเทศ มีภาวะอันตรายและความเสี่ยงที่จะถูกโจมตี จารกรรมข้อมูล และมีโอกาสถูกทำลายให้เกิดความเสียหายหรือไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ และในปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีหน่วยงานกลางที่จะสั่งการป้องกันแก้ไขรับมือกับภัยต่าง ๆ ที่จะเกิดกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตของประเทศ
“จึงจำเป็นต้องมีหน่วยงานกลางขึ้นมาทำหน้าที่ป้องกันและวางแผนรับมือภัยคุกคามดังกล่าว เพื่อไม่ให้กระทบต่อความมั่นคงของชาติ จึงเสนอว่าในระหว่างที่ยังไม่มีร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ขึ้นมาบังคับใช้ให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ หรือ กปช. ขึ้นมาทำหน้าที่ก่อน หากร่างพระราชบัญญัติมีผลบังคับใช้จึงยกเลิกคณะกรรมการชุดนี้ และมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการบริหารสั่งการเชิงนโยบายระดับชาติ ให้สิทธิแก่ฝ่ายทหารเข้าดำเนินการตามกฎหมายหากเกิดวิกฤตร้ายแรงที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ทางทหาร ให้คณะกรรมการฯ มีอำนาจสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนช่วยสนับสนุนกรณีเกิดเหตุวิกฤตหรือสถานการณ์ฉุกเฉิน และกำหนดให้คณะกรรมการ กปช. มีวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี เพื่อความต่อเนื่องในการทำงาน” พล.อ.อ.คณิต กล่าว
ขณะที่สมาชิก สปท. อภิปรายสนับสนุนแผนปฏิรูปตามรายงานนี้ แต่เห็นว่าสิ่งสำคัญคือรัฐบาลจะต้องเน้นการให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความรู้ประชาชนเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์อย่างทั่วถึง เพื่อสร้างความตระหนักต่อการใช้เทคโนโลยีไปในทิศทางที่ถูกต้อง และเพิ่มมาตรการทางกฎหมายให้มีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการโจมตีในระบบอิเล็กทรอนิค การบุกรุก การจารกรรมข้อมูล เพื่อป้องกันการก่อการร้ายที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการพัฒนาประเทศพร้อมเห็นด้วยที่ให้หน่วยงานรัฐเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ เพราะความมั่นคงของประเทศถือเป็นเรื่องสำคัญ
หลังอภิปรายระยะหนึ่งที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบรายงานดังกล่าวด้วยคะแนนเห็นด้วย 147 เสียง ไม่เห็นด้วย 1เสียง และงดออกเสียง 8 เสียง ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป.-สำนักข่าวไทย