เขมทัตต์ฝากซีอีโอใหม่สานต่อพาองค์กรผ่านความเปลี่ยนแปลง

กรุงเทพฯ 11 ส.ค. เขมทัตต์ ฝากผู้บริหารใหม่ สานต่องาน ชี้ซีอีโอใหม่ต้องรอบรู้กฎหมาย การเงิน พร้อมย้ำเงินเยียวยาคืนคลื่น 2600 เมกกะเฮิรตซ์ เต้องข้าสู่ศาล วอนอย่าเอาหนังสือฉบับเดียวมาเป็นตัวตัดสิน


นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ในโอกาสจะพ้นจากการดำรงตำแหน่งว่า ช่วงที่เข้ามารับตำแหน่งเป็นช่วงหลังการเกิดขึ้นของทีวีดิจิทัลเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงและองค์กรกำลังเข้าสู่การขาดทุน อสมท ในเวลานั้นเป็นผู้ให้บริการทีวีดิจิทัล และผู้ให้บริการโครงข่ายการออกอากาศทีวีภาคพื้นดิน ขณะเดียวกันเกิดแพลตฟอร์มใหม่เกิดขึ้น เนื่องจากอสมท เป็นองค์กรสื่อที่มีสื่อทั้งวิทยุโทรทัศน์อยู่รวมกันจึงต้องมาจัดระบบกันใหม่ด้วยการเสนอปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อรองรับด้วยการปรับองค์กร อสมท ตระหนักว่าขณะนี้เม็ดเงินจากสัมปทานกำลังจะหมดไป ขณะที่การแข่งขันในอุตสาหกรรมสื่อมีการแข่งขันสูงมากขึ้น ต่อมามีมีเดียเกิดใหม่ทั้งโซเชียลมีเดีย และการมาของสื่อออนไลน์ สื่อสิ่งพิมพ์และสื่อโทรทัศน์เริ่มเข้าสู่สื่อออนไลน์มากขึ้น อสมท พยายามปรับโครงสร้างองค์กรรองรับ โดยหาบุคลากรที่มีความสามารถเข้ามาดูแล อสมท เปิดโอกาสคนในและให้คนนอกเข้ามาบริหารงานเกิดเป็นสำนักธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์มและสำนักบริหารดิจิทัลแพลตฟอร์ม ฝ่ายหนึ่งทำหน้าที่พัฒนาเนื้อหาใหม่หาพันธมิตรเพิ่มในการทำสื่อดิจิทัล ฝ่ายหนึ่งนำเนื้อหาเดิมที่มีอยู่มาพัฒนาให้เกิดมูลค่าเพิ่ม 

“การบริหารที่ผ่านมาขับเคลื่อนได้ค่อนช้าเพราะองค์กรเราใหญ่ ติดขัดองคาพยพหลายอย่าง เงินทุนเราไม่เพียงพอที่จะทำงานได้อย่างคล่องตัว แต่อสมท ได้เตรียมตัวปรับตัวให้มีความคล่องตัวมากขึ้น โดยกำลังจะเปิดตัวดิจิทัลแพลตฟอร์ใหม่ คิดว่ายังทำงานไม่ครบตามที่ตั้งใจ เวลาน้อยมาก ต้องแก้ปัญหาทั้งโครงสร้างภายใน การเปลี่ยนแปลงแนวคิด การหาพันธมิตร ช่วงที่เข้ามพันธมิตรที่เคยทำรายการให้เราหายไปหมด เอเจนซี่ก็ตามพันธมิตรเราไป ทำให้เราต้องควักเงินทำรายการ ทำคอนเทนท์ใหม่ ที่ผ่านมาเราไม่ได้ใช้งบประมาณทำคอนเทนต์มากนัก หลังการเกิดทีวีดิจิทัลเราต้องควักเงินทำคอนเทนต์เอง ค่าคอนเทนต์คือหนึ่งในสามของค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทีวีดิจิทัล และเราไม่ได้ลงทุนแค่คอนเทนต์เราต้องลงทุนโครงข่ายแต่จะมีรายได้เข้ามาแต่ผลของการมีทีวีดิจิทัลจำนวนมาก็ทำให้กสทช.มีมาตรการช่วยเหลือ เราเป็นหน่วยงานรัฐ ไม่มีธุรกิจอื่น เรามีเงินมาจากธุรกิจของเราเองทั้งนั้นจึงทำให้เราต้องมีต้นทุนเพิ่มขึ้น ” นายเขมทัตต์ กล่าว
นายเขมทัตต์ กล่าวอีกว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมาคิดว่าได้วางพื้นฐานไว้แล้วระดับหนึ่ง ทั้งการแก้ปัญหาการรั่วไหล การเพิ่มแพลตฟอร์มบันเทิงแวม และการพัฒนาช่องทางสำหรับการเสนอข่าวออนไลน์ อสมท มีจุดแข็งในการทำข่าวที่มีความเชื่อถือ สิ่งที่ต้องทำคือทำอย่างไรให้การรับรู้ทั่วถึง ข้อมูลข่าวสารไปถึงคนรุ่นใหม่ได้ง่ายขึ้น ทันสมัยมากขึ้นเร็วขึ้น ทันกับความต้องการมากขึ้น ธุรกิจจะเติบโตหรือไม่เติบโตอย่างไรขึ้นอยู่กับกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ที่จะเข้ามาขับเคลื่อน และพนักงานจะนำพาองค์กรไปได้หรือไม่ 
“คนรุ่นใหม่ได้ดูทีวีแล้ว คนรุ่นใหม่ดูตามความชอบของตัวเอง ดูตามกระแส ดูตามโซเชียล เราตั้งวิสัยทัศน์ในการเป็นองค์กรที่รักษาความเชื่อมั่น เป็นองค์กรสร้างเนื้อหาที่เชื่อถือได้ ตรวจสอบได้ อสมท ควรเป็นองค์กรระดับชาติที่ทำหน้าที่ตรวจสอบความเชื่อมั่นของข่าวได้ ” 
ส่วนที่ยังไม่ได้ทำคือการพัฒนาหลักสูตรใหม่ให้ตอบสนองคนรุ่นใหม่และวิธีการเรียนออนลไน์มากขึ้น การพัฒนาที่ดินด้านหลังสำนักงานใหญ่อสมท ธุรกิจกิจอสังหาริมทรัพย์แม้ไม่ใช่ธุรกิจหลักของเราแต่เราต้องทำ โดยจะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยจะตั้งคณะกรรมการมาบริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อวางรูปแบบในการร่างทีโออาร์ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลังให้เสร็จภายในเดือนกันยายน-ตุลาคม จากนั้นจึงจะเปิดให้นักลงทุนเข้ามา โดยดยล่าสุดมีการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ข้อกฎหมายให้ทำธุรกิจนี้ได้คล่องตัวมากขึ้น ปีหน้าอสมท.คงจะพัฒนาเนื้อหาที่มุ่งเน้นการทั้งสาระและความบันเทิงมากขึ้น ทั้งความร่วมมือแพลตฟอร์มเพลงกับแวมมิวสิก    
ถ้าจะฝากอะไรถึงซีอีโอใหม่อยากจะฝากอะไร นายเขมทัตต์ กล่าวว่า ขอให้ช่วยดูว่าองค์กรเราจะไปในทิศทางไหน โครงการที่เป็นประโยชน์ที่ได้วางไว้โครงการได้จะสามารถสานต่อก็สานต่อได้ ถ้ามีอะไรใหม่ๆ ที่ควรทำและเป็นประโยชน์กับพนักงานก็ขอให้ทำ นอกจากนี้ขอให้สนใจเรื่องกฎหมายมากๆ ปีหน้ากฎหมายกสทช.ฉบับแก้ไขน่าจะเสร็จสมบรูณ์ และกำลังจะมีบอร์ดใหม่เข้ามา ยังจะมีกฎหมายที่ต้องให้ความสำคัญอาทิ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล , การจะเกิดขึ้นของสภาสื่อมวลชน , กฎหมายเกี่ยวกับโซเชียล และต้องมีความรู้ทางด้านการเงิน ปัจจุบันเราประคององค์กรไม่ให้ขาดทุนไปมากกว่านี้ ถ้าย้อนไปตั้งแต่การทำธุรกิจทีวีดิจิทัล อสมท. ควรจะเก็บเงินสดไว้มากๆ  เวลานั้นธนาคารพานิชย์ยังให้เงินกู้เพื่อประกอบกิจการทีวีดิจิทัล ถ้าตอนเราเรากู้เงินมาส่วนหนึ่งเพื่อทำธุรกิจและหมุนเงินไปเก็บเงินสดไว้ การมีเงินเก็บไว้มากๆ จะช่วยรักษาทุนไว้ได้ การสามารถบริหารธุรกิจได้เราต้องมีรายจ่ายค่าธรรมเนียมใบุอนุญาตและต้องผลิตรายการใหม่ๆ ซีอีโอใหม่ที่จะมีควรมีความรู้เรื่องการเงินด้วย 
เมื่อถามถึงปัญหาการชดเชยค่าเรียกคืนคลื่นความถี่ 2600 เมกกะเฮิรตซ์ นายเขมทัตต์ กล่าวว่า ในขั้นตอนปัจจุบันเป็นขั้นตอนของการฟ้องร้อง เมื่อกฎหมายเขียนไว้ว่าหากไม่พอใจให้ทำการฟ้องร้องได้ก็ต้องดำเนินการ ตามกฎหมาย ตนเชื่อว่ายังมีคนที่ไม่เข้าใจเรื่องนี้อย่างแท้จริง อย่าไปเอาเรื่องจดหมายแค่ฉบับเดียว แต่ต้องย้อนกลับไปดูเรื่องกฎหมายและบันทึกที่อสมททำถึงกสทช.มาโดยตลอด ตอนนี้ ผู้ตรวจสอบบัญชีของเราเข้าใจแล้วแต่คนนอกยังไม่เข้าใจ ถ้าอ่านประกาศของกสทช.แล้วทำความเข้าใจจะทราบว่าสิ่งที่เขียนมาความหมายอย่างไร การเขียนกฎระเบียบของกสทช.มีความหมายลึกมาก ซึ่งต้องทำคามเข้าใจ การบอกว่าผู้บริหารไปเอื้อให้คนนั้นคนนี้ อยากถาว่าเอื้อยังไงในเมื่อทุกอย่างมันยังไม่จบเรื่องเลย ถามว่าตอนนี้สัญญาร่วมการงานกับเอกชนคู่สัญญายังอยู่ให่ ยังอยู่ ถ้าเราทำตามสัญญาเราเสียเปรียบ ถ้าเราไม่ทำตามสัญญาเราก็เสียเปรียบ ความเห็นและข้อมูลของอนุกรรมการเยียวยาการเรียกคืนคลื่นความถี่เป็นสิ่งที่เป็นหลักฐานได้ก็ต้องยึดเอาความเห็นนั้น ตนยังไม่ขอให้ความเห็นอะไรขอให้ไปว่ากันที่ศาล ตนไม่ได้มีอำนาจในการไปบอกว่าแบ่งค่าเยียวยาเท่าใด ตนมีหน้าที่ในการให้ข้อมูลเพื่อให้กสทช.พิจารณาว่าจะแบ่งค่าเยียวยาอย่างไร ตนไม่ขอว่าใครผิดทั้งนั้น
ส่วนสิ่งที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท.จะทำคือ “เมื่อเกษียณแล้วคงไปทำบุญไม่ขอกลับมาทำงานหรือทำอะไรแล้ว อยากไปทำบุญและทำภาระกิจส่วนตัวที่ยังไม่ได้ทำที่เหลือให้ซีอีโอใหม่ขับเคลื่อนองค์กรต่อไป “-สำนักข่าวไทย.


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยกหารือเวที UN พรุ่งนี้

สวีเดน 26 ส.ค.-“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา หลังกัมพูชาใช้โล่มนุษย์ยั่วยุในพื้นที่ต่อเนื่อง เตรียมยกเรื่องนี้หารือเวที UN ที่เจนีวา พรุ่งนี้ ยันยังไม่ส่งทูตกลับ จนกว่าเขมรแสดงให้เห็นว่าจริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการหารือทวิภาคีกับนางมารีอา มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด (Maria Malmer Stenergard) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดน ถึงสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ที่มีการยั่วยุโดยใช้พลเรือนเป็นเครื่องมืออย่างต่อเนื่อง ว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่หน่วยงานในพื้นที่ต้องช่วยกันระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน เพราะเมื่อมีพลเรือนเข้ามาเกี่ยวข้อง ในการทำงานของทางทหารก็จะยากลำบาก อาจจะนำไปสู่การสร้างความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นหน่วยงานที่เป็นพลเรือนในพื้นที่ก็จำเป็นจะต้องเข้ามาดูแลและแก้ไขสถานการณ์ตรงนี้ นายมาริษ กล่าวว่า ในการพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสวีเดน ตนได้อธิบายให้เข้าใจว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่กัมพูชาพยายามใช้ ซึ่งขัดต่อความตกลงในกฎบัตรสหประชาชาติเป็นอย่างมาก เหมือนกับใช้ประชาชนและพลเรือนเป็นโล่มนุษย์ เพื่อที่จะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ซึ่งประเทศสวีเดนก็เข้าใจ และพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) ตนจะมีโอกาสได้ชี้แจงกับที่ประชุม UN ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ตนจะยกประเด็นนี้ขึ้นแสดงความห่วงกังวลว่า การใช้วิธีเอาพลเรือนมาเป็นตัวกดดัน หรือมาสร้างความตึงเครียด หรือขยายความตึงเครียดบริเวณชายแดนมากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ […]

พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์ถล่มหลายจังหวัดภาคเหนือ น่านยกระดับรับมือ

26 ส.ค. – พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์แล้ว หลายจังหวัดทางภาคเหนือมีฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก จนมีน้ำท่วมหลายพื้นที่ และต้องจับตาไปที่จังหวัดน่าน ซึ่งพายุคาจิกิเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่และเริ่มส่งผลกระทบตั้งแต่ช่วงค่ำวันนี้ ทำให้จังหวัดน่านยกรระดับมาตรการป้องกันและเตรียมรับมือกับน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม.-สำนักข่าวไทย

Gripen ที่จัดซื้อใหม่ประสิทธิภาพดีกว่าลำเดิมที่มีอยู่

สวีเดน 26 ส.ค. – แม้รัฐบาลไทยและสวีเดนได้ลงนามความร่วมมือซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีกริพเพน E และ F ไปแล้ว แต่กว่าจะได้รับเครื่อง จะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 4 ปี ระหว่างนี้จะมีการวางกรอบพัฒนาร่วมกัน แน่นอนว่ารุ่นใหม่สเปกใหม่ดีกว่ารุ่นเก่าที่เรามี แตกต่างอย่างไร ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

คนไทยรวมพลังร้องเพลงชาติกึกก้องบ้านหนองจาน

26 ส.ค. – ชาวไทยกว่า 500 คน รวมตัวร้องเพลงชาติ ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ บริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว แสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (26 ส.ค.68) ประชาชนไทยกว่า 500 คน มารวมตัวกันบริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย จนเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย และพร้อมยืนหยัดเคียงข้างกองทัพในการปกป้องอธิปไตย ชาวบ้านยังจัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น ไปมอบให้ทหาร เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เข้าควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอความร่วมมือประชาชนที่มาร่วมชุมนุมให้อยู่ในแนวพื้นที่ที่กำหนดไว้เพื่อป้องกันการเผชิญหน้า “เจ๊เอ๋” ณัฐฐารินทร์ เกษมสารพิพัฒน์ เจ้าหนี้คนดัง บอกว่า วันนี้ประชาชนคนไทยต้องมาเผชิญหน้ากับชาวกัมพูชาด้วยตัวเอง เพราะผู้มีหน้าที่โดยตรงนิ่งเฉย ส่วนที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และพลโทวันชนะ สวัสดี นำคณะลงพื้นที่ พบมีชาวกัมพูชาสร้างบ้านเรือนรุกล้ำเขตไทย 18 หลัง […]