สมุทรปราการ 22 ก.ค. – สำนักข่าวไทย ยังเกาะติดคดีวัยรุ่นยกพวกตะลุมบอนในโรงพยาบาล และทำร้ายร่างกายบุคลากรทางการแพทย์ ล่าสุดพยานปากสำคัญในเหตุการณ์ ซ.โรงเหล็ก เข้าพบตำรวจ 4 คน พร้อมเปิดเผยปมสำคัญที่เกิดการทะเลาะวิวาทครั้งแรก ขณะที่รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ยืนยันคดีจบภายในเที่ยงคืนแน่นอน
พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ประชุมติดตามความคืบหน้าคดีวัยรุ่นยกพวกตีกัน จนกระทั่งมีการบุกรุกเข้าไปยังโรงพยาบาล 2 แห่ง และมีการทำร้ายร่างกายทั้งแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ในห้องฉุกเฉินที่ จ.สมุทรปราการ เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา
ล่าสุดวันนี้ (22 ก.ค.) มีวัยรุ่นที่อยู่ในเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทภายใน ซ.โรงเหล็ก ซึ่งเป็นต้นเหตุของกรณีดังกล่าว เข้าพบตำรวจในฐานะพยาน 4 คน หลังจากหลบไปกบดานที่บ้านพักญาติใน จ.จันทบุรี เพราะเกรงว่ากลุ่มวัยรุ่นคู่อริจาก ซ.วัดมหาวงษ์ จะกลับมาทำร้ายซ้ำ
พยาน 2 ใน 4 คน ให้ข้อมูลว่า วันเกิดเหตุ นายแฮ็ก วัยรุ่นกลุ่ม ซ.วัดมหาวงษ์ นำยาบ้าเข้ามาขายในชุมชน จึงได้ต่อว่าไป ทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ ขี่รถจักรยานยนต์กลับไปตามพรรคพวกประมาณ 8 คน จากนั้นจึงเกิดเหตุชุลมุน และมีคนในกลุ่ม ซ.โรงเหล็ก แทงคู่อริจนเสียชีวิต จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่มาระงับเหตุ และอีกฝ่ายพยายามอุ้มเพื่อนในกลุ่มไปยังนอกพื้นที่ แต่เคราะห์ดีที่ดิ้นหลุดได้ทัน ยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งเส้นทางค้ายา
ขณะที่เมื่อช่วงเย็นวันนี้ (22 ก.ค.) ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา เข้าเยี่ยมให้กำลังตำรวจ สภ.สำโรงใต้ ที่สามารถจับกุมวัยรุ่นที่ก่อเหตุมาดำเนินคดี พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่จัดการลงโทษกลุ่มผู้ก่อเหตุอย่างเด็ดขาด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 กล่าวภายหลังการประชุมว่า คดีจะจบภายในเที่ยงคืนวันนี้ แยกเป็น 3 สำนวน ตามที่เกิดเหตุ รวมผู้ต้องหาทั้งหมด 27 คน จับได้แล้ว 24 คน และอยู่ระหว่างคุมตัวมาดำเนินคดี 2 คน โดยบางคนเกี่ยวพันถึง 3 คดี และถูกแจ้งข้อหามากถึง 4 กระทง
ด้านนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า สำนักงานเลขาธิการแพทยสภา เรียกร้องให้เพิ่มโทษผู้กระทำความผิด ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดไม่ขัดข้อง แต่ต้องมีผู้เสนอออกกฎหมายที่มีอัตราโทษเฉพาะ ก่อนเสนอให้สภาฯ พิจารณา คาดว่าอาจต้องใช้เวลานานนับปี อย่างไรก็ตาม อัยการได้ใช้วิธีการบรรยายฟ้อง ระบุพฤติกรรมผู้ก่อเหตุว่ามีพฤติกรรมอุกอาจ ไม่เคารพกฎหมาย ขอให้ศาลลงโทษสถานหนัก เช่นเดียวกับกรณีใน จ.อ่างทอง และนครพนม พร้อมตรวจสอบว่า มีผู้ต้องหารายใดมีโทษรอลงอาญาหรือไม่ หากมีจะนำมาบวกเพิ่มทันที. – สำนักข่าวไทย