ประจวบคีรีขันธ์ 22 ก.ค.- ตำรวจนำตัว “สายพิณ” แม่ของสาวพนักงานราชการที่ถูกจับคดียักยอกงบประมาณ 39.2 ล้านบาท เข้าเรือนจำฝากขังผัดแรก หลังจากศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว
เมื่อเวลา 16.00 น (22 ก.ค.) ร.ต.อ.หญิง สุภาภรณ์ ดวงกัลยา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ นำนางสายพิณ ดิบดีคุ้ม อายุ 60 ปี ขอฝากขังต่อศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ พร้อมคัดค้านการประกันตัว หลังจากได้สอบปากคำและเป็นผู้เกี่ยวข้องในคดีที่ลูกสาว คือ น.ส.ขนิษฐา หอยทอง อายุ 28 ปี พนักงานราชการ สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยักยอกงบประมาณโอนออกจากระบบ 39.2 ล้านบาท ซึ่งนางสายพิณ ยังได้นำโฉนดที่ดิน 2 ไร่ ในพื้นที่ ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ มูลค่าหลักทรัพย์ 300,000 บาท ยื่นขอประกันตัวในชั้นศาลด้วย
ศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่าคดีมีมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี อีกทั้งเป็นคดีการทุจริตที่ประชาชนให้ความสนใจอย่างกว้างขวาง จึงไม่อนุญาตให้ประกันตัวนางสายพิณ จากนั้นพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวนางสายพิณ ฝากขังผัดแรก 12 วัน เข้าเรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
นายนฤพนธ์ แก้วเทศ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัวผู้ต้องหามาทำการฝากขัง เจ้าหน้าที่จะนำนางสายพิณ ไปขังแยกจาก น.ส.ขนิษฐา ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดเพราะเป็นจำเลยร่วมในคดีเดียวกัน ขณะที่ น.ส.ขนิษฐา ที่ถูกคุมขังผัด 3 ปรับตัวเข้ากับผู้ต้องขังรายอื่นได้ตามปกติ ไม่มีอาการเครียด
ทั้งนี้ นางสายพิณ ศาลออกหมายจับในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ผู้ใดกระทำประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด แม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกนั้นก็ตาม ผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น และมาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต.-สำนักข่าวไทย