ทำเนียบฯ 13 ก.ค.- “พล.อ.ประวิตร” ไม่รู้ผลโพลไม่พอใจรัฐมนตรีที่เคยเป็นแกนนำ กปปส. โยนนายกรัฐมนตรีพิจารณาการปรับครม. “ณัฐพล” ปัดตอบทำโพลมีวาระซ่อนเร้น ขอให้ประชาชนมองเป็นไปได้ที่ผลโพลอาจมีผลต่อการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีซุปเปอร์โพลเสนอผลสำรวจภาคสนามเรื่องผลการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่พอใจรัฐมนตรีที่เคยเป็นแกนนำ กปปส. ว่า เรื่องนี้ตนไม่รู้ ส่วนจะนำมาประกอบการตัดสินใจในการปรับ ครม.ให้เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี
เมื่อถามว่าจะมองว่าเป็นเกมการเมืองหรือไม่เนื่องจากอยู่ในช่วงการปรับครม. รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มี พร้อมถามกลับมาว่า ใครเป็นคนบอกมา ให้ไปถามคนนั้น ซึ่งต้องไปถามโพลที่เป็นคนตั้งคำถาม เมื่อถามว่าจะมีความเชื่อมโยงกับผู้ที่ต้องการตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบเพียงสั้น ๆ ว่า ไม่มีๆ โอเคหมดทุกอย่าง แล้วแต่นายกรัฐมนตรี
ด้านนายณัฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีผลโพลดังกล่าวว่า ไม่เป็นไร ต้องดูว่าเหตุใดต้องถามเฉพาะเจาะจงขนาดนั้น ซึ่งต้องไปดูในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ส่วนจะมีวาระซ่อนเร้นหรือเป็นเกมทางการเมืองหรือไม่ ตนไม่สามารถตอบได้ ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าโพลที่ทำ ๆ เพื่ออะไร ทำมาตอนไหน และจังหวะอะไร ตนนั้นไม่ได้กังวล เพราะการปรับครม.เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี
นายณัฐพล กล่าวว่า อาจมีความเป็นไปได้ว่าจะส่งผลต่อการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีแต่ในส่วนของตนก็ทำงานอย่างเต็มที่ หากเป็นเสียงของประชาชนนายกรัฐมนตรีก็ต้องรับฟัง และนายกรัฐมนตรีเองก็รับฟังการทำงานของตนอย่างต่อเนื่อง ตนคิดว่าเรื่องดังกล่าวก็เป็นส่วนหนึ่งของการเมือง เมื่อมีการพูดถึงเรื่องนี้จึงมีกระแสต่างๆออกมา วิธีการเมืองเก่าๆบางทีก็ต้องปรับเพราะประเทศกำลังเดินทางไปในแนวทางที่ต้องร่วมมือกันไปข้างหน้า
ต่อข้อถามว่ามีการตั้งขอสังเกตว่าโพลดังกล่าวมุ่งเป้าโจมตีรัฐมนตรีที่มาจาก กปปส. นายณัฐพล กล่าวว่า ตนอาจจะเป็นจุดแรก และก็คงจะมีคณะอื่น ๆ ตามมา ซึ่งเป็นการเมืองแบบเดิมๆ การทำโพลนี้เป็นการทำโพลของเอกชน ต้องไปดูว่ามีความเชื่อมโยงของกลุ่มใดบ้าง ซึ่งสื่อมวลชนเองก็คงเชื่อมโยงตรงนี้ได้ ขอให้ย้อนกลับไปดู ภายในพรรคพลังประชารัฐเองก็มีการทำผลสำรวจภายใน ในการทำงานของรัฐมนตรี และสำรวจความคิดเห็นของประชาชนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งพรรคเองก็มั่นใจว่า การทำงานก็มีการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน และตนไม่อยากคิดว่า โพลดังกล่าวนั้นมาจากฝ่ายตรงข้ามภายในพรรคเดียวกันเองเพราะเป็นเรื่องที่สร้างความขัดแย้ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็มีเจตนารมณ์ที่ชัดเจนอยู่แล้ว.-สำนักข่าวไทย