สหภาพฯองค์การค้าคุรุสภาร้องผู้ตรวจฯ สอบทุจริต สกสค.

กรุงเทพฯ 10 ก.ค.- สหภาพแรงงานองค์การค้าคุรุสภา ร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน  ตรวจสอบทุจริต สกสค. จนต้องปลดพนักงาน 961 คน เป็นแพะรับกรรม เหตุเพราะต้องการย้ายโรงพิมพ์เพื่อเอาที่ดินลาดพร้าวสร้างคอมเพล็กซ์  ระบุคำสั่งเลิกจ้างไม่ชอบ  เตรียมแจ้งความเอาผิด


สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายวิวัฒน์ชัย กุลมาตย์  ผู้แทนเครือข่ายปกป้องผลประโยชน์ของแผ่นดิน  นายนิวัติไชย แจ้งไพร ประธานสหภาพแรงงานองค์การค้าคุรุสภา นายอารีย์ สืบวงค์ ประธานที่ปรึกษาสหภาพแรงงานองค์การค้าคุรุสภา อดีตพนักงานโรงพิมพ์คุรุสภา  เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบการดำเนินการของคณะกรรมการองค์การค้าสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคคลากรทางการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ  หรือ สกสค. และคณะกรรมการบริหารโรงพิมพ์คุรุสภา ว่า มีการบริหารงานที่ไม่โปรงใส สร้างความเสียหาย  จนส่งผลให้มีการปลดพนักงานสกสค. 961 คน  รวมทั้งตรวจสอบคำว่าคำสั่งเลิกจ้างพนักงานดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ 

นายวิวัฒน์ชัย กล่าวว่า ก่อนที่บอร์ด สกสค.จะมีมติเลิกจ้างพนักงานเมื่อวันที่ 29 มิ.ย. นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ เลขาธิการ กศน. ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. ได้ลงนามคำสั่ง สกสค.ให้พนักงานหยุดงานเนื่องจากสถานการณ์โควิดรวม 4 ฉบับ  โดยไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้าว่าจะมีการเลิกจ้างพนักงานเลย จึงเห็นว่าคำสั่งเลิกจ้างดังกล่าวไม่ชอบกฎหมาย และนายดิศกุล เป็นเพียงผู้ปฏิบัติหน้าที่ผอ.สกสค. ไม่น่าจะมีอำนาจลงนามเลิกจ้างพนักงานได้  เหตุผลในการเลิกจ้างที่อ้างว่าขาดทุนต่อเนื่องนั้น  จากข้อมูลพบว่า การขาดทุนเกิดจากอดีตผู้บริหารของกระทรวงศึกษาตั้งแต่รัฐมนตรี  ปลัดกระทรวง  บอร์ดสกสค. ไปกู้เงินเพื่อมาลงทุนในบริษัทบิลเลี่ยน อินโนเวชั่น กรุ๊ป จำกัด  รวมทั้งไปจ้างพิมพ์หนังสือที่โรงพิมพ์ใน จ.นครราชสีมา มูลค่า 1,400 ล้านบาท  ซึ่งก่อนหน้านี้มีการดำเนินการเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง  แต่ก็ไม่มีการเรียกคืนค่าเสียหาย แต่กลับมาลงที่พนักงาน


“องค์การค้าคุรุสภามีรายได้ปีละ 2 พันล้านบาท จะขาดทุนได้อย่างไร แต่วันนี้กลับมาไล่พนักงานออก ผมมองว่ามีเจตนาซ่อนเร้น พื้นที่คุรุสภามี 52 ไร่ มูลค่าไร่ละ 100 ล้านบาท  ทราบว่าเขาต้องการเอาโรงพิมพ์ลาดพร้าวย้ายออกไปอยู่ที่อื่นเพราะจะใช้ที่ดินเพื่อสร้างคอมเพล็กซ์  ซึ่งถ้ามีการย้ายออกจริงรับรองว่าไม่เกิน 6 เดือนอาคารที่ลาดพร้าวจะถูกทุบทิ้งแล้วดำเนินการสร้างคอมเพล็กซ์ทันที”   นายวิวัฒน์ชัย กล่าว และขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินการตรวจสอบการบริหารของผู้บริหาร สกสค. เส้นทางการเงินของผู้บริหาร   บัญชีรายรับ-จ่ายของโรงพิมพ์ ย้อนหลัง 10 ปี เพื่อให้ทราบว่า การขาดทุนดังกล่าวเกิดจากเหตุใด และคำสั่งเลิกจ้างพนักงานชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ด้านนายอารีย์ กล่าวว่า ตามคำสั่งเลิกจ้างให้มีผลในวันที่ 1 ส.ค.  แต่ขณะนี้เงินเดือนพนักงานของเดือน มิ.ย. ยังไม่มีใครได้รับ  ทางสหภาพมีการทวงถามก็อ้างว่าให้ไปรับเงินจากสำนักงานประกันสังคม  แต่ทางประกันสังคมก็แจ้งว่าไม่สามารถจ่ายให้ได้  จากนั้นผู้บริหารก็เรียกพนักงานไปคุย ระบุว่าจะให้เงินเยียวยาเลิกจ้าง 1 แสนบาท  โดยไม่มีการพูดถึงสวัสดิการด้านอื่น ๆ ซึ่งเราไม่ยอมรับ และถ้าภายในสัปดาห์นี้ไม่มีการจ่ายเงินเดือนของเดือน มิ.ย. ทางพนักงานก็จะฟ้องอาญาผู้บริหาร

นายอารีย์ กล่าวว่า ทางพนักงานยังต้องการให้ทบทวนมติ และยกเลิกคำสั่งเลิกจ้าง  เพราะคำสั่งดังกล่าวออกมาขัดต่อ พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ 2518 ข้อบังคับองค์การค้า ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างงาน แล้วมาหารือร่วมกันว่าหนี้สกสค.เกิดขึ้นได้อย่างไร  ถ้าบอกว่ามาจากปัญหามีคนมาก  ก็ต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร  ไม่ใช่เอาหนี้เป็นตัวตั้ง แล้วล้มกระดานเลิกจ้างคนทั้งหมด  และค่อยจ้างคนเข้ามาใหม่ 100 คน  ซึ่งองค์การค้าฯ มีงานพิมพ์ อยู่ประมาณ 3-4 พันล้านบาท  การทำเช่นนี้แสดงถึงเจตนาว่าต้องการนำงานไปจ้างคนนอกพิมพ์  นอกจากนี้กระแสข่าวออกมาว่าจะดำเนินการย้ายโรงพิมพ์ลาดพร้าวไปอยู่ที่ใหม่  เพื่อขายที่ดิน  ซึ่งถ้าผู้บริหารคิดว่าสิ่งที่ทำถูกนั้น ทางสหภาพก็คงไม่คาดหวัง และคงต้องเดินหน้าดำเนินคดีอาญากัน 


“เราไม่ข้ามไปถึงเรื่องเงินเยียวยา เพราะเราต้องการให้ทบทวนมติและยกเลิกคำสั่งเลิกจ้าง  ผู้บริหารบอกว่าการเลิกจ้างต้องจ่ายเงินเยียวยา 2 พันล้าน เอาเงินนี้มาฟื้นฟูซื้อเครื่องจักรใหม่ สร้างระบบเทคโนโลยีใหม่ ก็ยังใช้เงินไม่ถึง 2 พันล้าน ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีศึกษาฯ บอกว่าเดือนมิ.ย.เป็นหนี้ 5,700 ล้าน แต่วันนี้ห่างแค่เดือนเดียวกลับบอกว่าเป็นหนี้ 6,700 ล้านบาท  ก็ไม่รู้ว่าขึ้นมาอย่างไร  องค์การค้าถูกประณามในสื่อว่าเอาเงินชาติมาทำลายเป็นหนี้เป็นสิน เสียดายงบประมาณรัฐ  ขอยืนยันว่า องค์กรค้าฯ ไม่เคยได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐ  กระทรวงศึกษา สกสค. แม้แต่บาทเดียว  สกสค.เอาเงินกองทุนฌาปนกิจครูมาให้กู้คิดดอกเบี้ย  การทำธุรกิจส่วนใหญ่คนกำกับดูแลต้องเป็นผู้รับผิดชอบทุกด้าน จึงหวังพึ่งผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ละเมิดข้อกฎหมายและกระทำความผิดทั้งเรื่องการทุจริตและการเอื้อประโยชน์โครงการจัดซื้อจัดจ้าง เพราะคนเหล่านี้เป็นกากเกลื้อนของสังคม ที่ควรต้องดำเนินการเอาผิดให้ถึงที่สุด “ นายวิวัฒน์ชัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

ตำรวจเสริมกำลังบ้านหนองหญ้าแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – ตำรวจเสริมกำลังที่บ้านหนองหญ้าแก้ว หลังวานนี้ชาวกัมพูชาพยายามเข้ามาทำลายทรัพย์สิน รื้อลวดหนามในพื้นที่อธิปไตยไทย จนเจ้าหน้าที่ต้องผลักดันออกไป ที่วัดหนองหญ้าแก้ว ยังเป็นจุดพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์ชาวกัมพูชาพยามเข้ามารื้อลวดหนาม ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินราชการในพื้นที่บริเวณอธิปไตยของไทยอีกหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ต้องบังคับใช้กฎหมายมีการดำเนินการอย่างที่ปฏิบัติมาเมื่อวานนี้ตามหลักสากล เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม เพราะจากข้อมูลตามเพจ พบชาวกัมพูชาระดมมวลชนเพิ่ม ดังนั้น วันนี้นอกจากตำรวจในจังหวัดสระแก้วแล้ว ยังมีการเสริมกำลังตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาอีก 2 กองร้อย 340 คน ได้แก่ ตำรวจจากปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุเมื่อวานนี้ ทางกองทัพบกย้ำว่าจุดปะทะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตไทย การที่ชาวกัมพูชาบุกรุกเข้ามาทำลายสิ่งของทางราชการ และก่อการจลาจลบนแผ่นดินไทย เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงต้องถูกดำเนินการตามกระบวนการ และยืนยันการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามขั้นตอนตั้งแต่การเจรจา แจ้งเตือน และควบคุมการจลาจลตามหลักสากล โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง ที่สำคัญพบว่าทหารของกัมพูชาที่ร่วมในเหตุการณ์กลับไม่ห้ามปราม และมีท่าทีสนับสนุนการจลาจล ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชายังออกแถลงการณ์บิดเบือนข้อมูลทั้งหมดนี้แสดงถึงเจตนาของฝ่ายกัมพูชาในการใช้ประชาชนออกหน้ารุกล้ำดินแดนไทยและความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนตามข้อตกลงหยุดยิงย้อนแย้งกับภาพลักษณ์ที่รัฐบาลกัมพูชาพยายามสร้างต่อสังคมโลกว่าเป็นผู้แสวงหาสันติภาพ. -สำนักข่าวไทย

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย

สภาหอการค้าไทย 18 ก.ย.-นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย ย้ำนำชื่อ ครม. ทูลเกล้าฯ แล้ว ลั่นลุยงานทันที หลังโปรดเกล้าฯ เผย “เอกนิติ” คัด รมช.คลัง มาเองกับมือ โวเร่งเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเข้มแข็ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ระหว่างคณะรัฐบาล และคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยนายอนุทินกล่าวว่า มาวันนี้เพื่อพบกับทุกคน และมีว่าที่รัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทุกคนในที่นี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับตน เจอกันมานาน มีความสนิทสนมคุ้นเคย เคารพนับถือกันเป็นอย่างดี นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งที่มาวันนี้ เพื่อมาพบทุกท่านและนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจมาแนะนำให้รู้จัก เชื่อว่าหลายคนก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว วันนี้ตั้งใจมารับฟังรายละเอียด และรับฟังข้อเสนอแนะจากสภาหอการค้าไทย รัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นรัฐบาลที่จะเน้นในการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้มีความกระชับและเข้มแข็งขึ้นเร็วที่สุด ภายใต้ระยะเวลาที่มีอยู่ นายอนุทินยังแนะนำผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของตนซึ่งได้ทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อไปแล้ว เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ก็จะเร่งแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา และสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้แนะนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจให้ผู้ร่วมประชุมได้รู้จัก โดยในขณะที่แนะนำว่าที่รัฐมนตรี นายอนุทิน ได้กล่าวถึงนายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ว่า เป็นคนฝีมือดี ซึ่งนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส […]

พายุในทะเลจีนใต้ ส่อแรงขึ้นเป็นโซนร้อน ทำฝนเพิ่มระยะนี้

กรุงเทพฯ 18 ก.ย.-กรมอุตุฯ เตือนพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน แม้จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่ส่งผลให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านตอนกลางประเทศ ทำให้ไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และบางพื้นที่อาจมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ย้ำจะมีฝนตกต่อเนื่องถึงต้นเดือนตุลาคม นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศเปิดเผยว่า พายุลูกดังกล่าวมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 120.0 องศาตะวันออก บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ เคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนแล้วในช่วงเช้าวันนี้ (18 ก.ย.) โดยมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือค่อนตะวันตกเล็กน้อย ด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 19–20 กันยายน 2568 ทั้งนี้แม้พายุไม่ได้เข้าไทยโดยตรง แต่จากอิทธิพลทางอ้อมของพายุ จะดันให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมากในช่วงวันที่ 18–25 กันยายนนี้ พื้นที่ที่มีแนวโน้มฝนตกสะสมในระดับเสี่ยง ได้แก่ จังหวัดอำนาจเจริญ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน […]

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย