กองบัญชาการกองทัพไทย 9 ก.ค.-กองทัพไทยจัดงานคล้ายวันสถาปนาครบ 60 ปี ผบ.ทสส.ขอทุกคนมีตระหนักถึงภัยโควิด-19 ต้องเข้มงวดป้องกันระบาดระลอก 2 ฝากผู้ประกอบการอย่านำแรงงานผิดกฎหมาย ไม่คัดกรองโรคเข้ามา หวั่นแพร่เชื้อไม่รู้ที่มา เชื่อแนวทางปฏิบัติหลังผู้นำสหรัฐกลับจะเป็นแบบอย่างการปฎิบัติตัวเคร่งครัดให้แขกรัฐบาลต่อไป
พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวภายหลังเป็นประธานวันคล้ายวันสถาปนากองบัญชาการกองทัพไทย ประจำปี 2563 ครบ 60 ปี ว่า กองบัญชาการกองทัพไทยเลื่อนการจัดงานจากกำหนดการเดิมวันที่16 มีนาคม 2563 เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการผ่อนคลายของรัฐบาล สำหรับกองทัพไทยเป็นหน่วยราชการที่เติบโตทางด้านปฎิบัติการร่วมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ก่อตั้งขึ้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีพัฒนาการตามลำดับ ปัจจุบันมีภารกิจและหน้าที่ตามกฎหมายที่ได้รับความสำคัญและเกียรติจากหลายหน่วยงาน แต่สิ่งที่ต้องพัฒนาคือเทคโนโลยีทางทหารตามกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน รวมทั้งเตรียมกำลังพลให้พร้อมสำหรับรูปแบบการปฎิบัติหน้าที่ที่ซับซ้อนในอนาคตกับกระแสโลกที้เปลี่ยนไป โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี ให้มีความพร้อมในอนาคต
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (หน.ศปม.) กล่าวว่า สำหรับการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 ระยะที่5 ว่าแม้จะอยู่ในช่วงผ่อนคลาย แต่ยังไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังเชื้อโรคที่มาจากทุกทิศทุกทาง และฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดจริงจัง กับผู้ที่จะเข้ามาในประเทศทุกมิติ ทั้งทางน้ำ ทางบกและทางอากาศ ต้องเข้มงวดกันต่อไป ส่วนที่กังวลคือการกลับมาเปิดธุรกิจหรือติดต่อธุรกิจต่าง ๆ จึงขอผู้ประกอบการดูแรงงานที่จะกลับมาทำงานให้เข้ามาถูกต้องตามกฎหมาย ตรวจสอบโรคก่อน เพื่อไม่ให้มีปัญหาแพร่เชื้อเข้ามาจนเป็นซุปเปอร์สเปดเดอร์ได้
“นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าศบค. เน้นย้ำการปฎิบัติของกองกำลังชายแดน เพื่อไม่ให้ลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย โดยทุกหน่วยให้ความจริงจังเรื่องนี้ จึงขอให้ผู้ประกอบการคำนึงในเรื่องนี้ด้วยว่าทุกฝ่ายเป็นห่วง ไม่อยากให้เกิดการแทรกซ้อนของเชื้อโรค นำไปสู่การแพร่ระบาดจนหาที่มาไม่ได้” ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าว
พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวว่า สำหรับการป้องกันทางกายภาพ อาจมีการใส่หน้ากากอนามัยแต่ขอให้คงสำนึกเสมอว่าทุกครั้งไปที่สาธารณะอาจมีเชื้อแพร่อยู่ในอากาศได้ ต้องตระหนัก และไม่เข้าไปในที่แออัดหรือที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด โดยสามารถทำหน้าที่แจ้งเตือนบอกกล่าวขอร้องเพื่อให้เกิดความระมัดระวังกับบุคคลอื่นได้ เพราะถือว่าคนไทยด้วยกันจะต้องมีความร่วมมือกันต่อไปหลังจากที่ได้ร่วมมือกันมาอย่างดีตั้งแต่เดือนมีนาคนจนสามารถป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้จนถึงปัจจุบัน
ส่วนการเดินทางเยือนของพล.อ.เจมส์ ซี. แมคคอนวิลล์ ผู้บัญชาการทหารบกสหรัฐและคณะ วันนี้(9 ก.ค.) ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กล่าวว่า ในที่สุดแล้วประเทศไทยจะต้องมีแขกจากต่างประเทศมากขึ้น อาจมีเจ้าของธุรกิจ เจ้าของกิจการ เพราะต้องทำธุรกิจร่วมกัน เศรษฐกิจประเทศต้องเดินหน้า ซึ่งทางศบค.มีข้อกำหนดให้ปฎิบัติตัวไว้อย่างเคร่งครัด โดยอาจเดินทางมาระยะสั้น และทางสหรัฐปฎิบัติตามระเบียบไม่เกี่ยงงอน โดยเชื่อว่าเมื่อผู้นำสหรัฐเดินทางกลับแล้ว จะสามารถใช้ข้อปฎิบัตินี้ เป็นแบบอย่างในการปฎิบัติได้สำหรับการเดินทางในระยะสั้น ๆ ในการเยือนของแขกต่อไป.-สำนักข่าวไทย