บุรีรัมย์ 29 พ.ย.-ผู้จัดการสำนักงานเขตธนาคารชื่อดังบุรีรัมย์ แจงตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีครูร่วม 10 คนร้องเรียนถูกธนาคารยัดหนี้ บางรายนำเงินสดไปชำระหนี้แต่เจ้าหน้าที่ธนาคารไม่นำเงินเข้าระบบ พร้อมสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ที่ถูกกล่าวอ้างพาดพิงถึงแล้ว
(29 พ.ย.59) หลังมีข้าราชการครูในเขตพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ร่วม 10 คน ออกมาร้องขอความเป็นธรรมกรณีที่ถูกธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่งยัดหนี้ให้คนละ 500,000 และ 800,000 บาท เนื่องจากธนาคารซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อของทางธนาคาร ไม่นำเงินที่ครูกู้เพิ่มไปตัดหนี้เก่าตามระบบ บางรายได้นำเงินสดไปปิดบัญชีเงินกู้ แต่เจ้าหน้าที่ไม่นำเข้าระบบ ทำให้ครูหลายคนต้องเป็นหนี้ 2 สัญญา คือสัญญาเก่าและใหม่ ทั้งที่ตามระเบียบเงินในสัญญาใหม่จะต้องถูกตัดไปชำระสัญญาเก่า ทำให้ครูได้รับความเดือดร้อน
ล่าสุดผู้จัดการสำนักงานเขต ธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่ง สำนักงานเขตบุรีรัมย์ ได้ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้ทางสำนักงานเขตได้รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทางสำนักงานใหญ่รับทราบแล้ว ทางสำนักงานก็ได้มีการตั้งกรรมการตรวจสอบ โดยส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง ร่วมกับธนาคารในระดับท้องถิ่น เพื่อตรวจสอบเอกสาร ทั้งสอบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียดรอบคอบ ว่าเกิดจากความผิดพลาดหรือการกระทำของเจ้าหน้าที่ที่ถูกกล่าวอ้างถึง เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งกับลูกค้าและตัวเจ้าหน้าที่ที่ถูกอ้างถึง
ผู้จัดการสำนักงานเขต ยังระบุอีกว่า หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกค้า ทางสำนักงานเขต และสำนักงานใหญ่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ทำการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงทันที เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและโปร่งใสกับลูกค้าที่ร้องเรียน เบื้องต้นทางธนาคารก็ได้สั่งย้ายเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวที่ถูกกล่าวอ้างถึง ไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ที่สาขาดังกล่าวแล้วจนกว่าขั้นตอนการสอบสวนจะแล้วเสร็จ
แต่หากผลการตรวจสอบพิสูจน์มีหลักฐานชี้ได้ว่ากรณีที่เกิดขึ้น เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวจริง ก็จะต้องลงโทษตามระเบียบ ซึ่งทางธนาคารขอให้ความมั่นใจกับลูกค้าและพร้อมจะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วย
ดร.รัตติยา พานิชอนุรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 ( สพม.32 บุรีรัมย์) ระบุว่า กรณีที่เกิดขึ้นแม้จะเป็นเรื่องส่วนบุคคลระหว่างครูที่ไปยื่นกู้เงินกับทางธนาคาร แต่ในฐานะต้นสังกัดก็ได้แจ้งให้ข้าราชการครูที่อยู่ในสังกัด สพม.32 นำใบเสร็จหรือเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ทั้งการยื่นกู้และการชำระเงินคืน มาให้ทางนิติกรของสำนักงานตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง เพื่อจะได้หาแนวทางแก้ไขและช่วยเหลือตามขั้นตอน.-สำนักข่าวไทย