สำนักงานกสม. 2 ก.ค.-ประธานกสม.เผยปลัดกต.ตอบกลับแล้วหลังขอให้ตรวจสอบกรณี “วันเฉลิม” หายตัว ระบุทางการกัมพูชาไม่ยืนยันถูกอุ้ม ยันจะตามเรื่องต่อไป
นายวัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) เปิดเผยว่าสำนักงานกสม.ได้รับหนังสือตอบกลับจากนางบุษยา มาทแล็ง ปลัดกระทรวงการต่างประเทศแล้ว เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมากรณีกสม.ขอความร่วมมือให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการหายตัวไปของนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมการเมืองชาวไทยที่หน้าอาคารที่พักในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยระบุว่าทันทีที่ปรากฏข่าวทางสื่อว่านายวันเฉลิมถูกลักพาในวันที่ 4 มิถุนายน เวลา 18.00 น.แล้ว วันที่ 5 มิถุนายน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญมีหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและติดตามตัวนายวันเฉลิม
“จากนั้นน.ส. สิตานันท์ สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวนายวันเฉลิมและตัวแทนศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนยื่นหนังสือร้องเรียนที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ขอให้ติดตามและให้ความช่วยเหลือนายวันเฉลิม รวมทั้งให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับนายวันเฉลิมเพิ่มเติม โดยเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศแจ้งความคืบหน้าการดำเนินการของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญให้น.ส.สิตานันท์และตัวแทนศูนย์ทนายความทราบ” ประธานกสม. กล่าว
นายวัส กล่าวว่า ต่อมานายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประทศได้ตอบกระทู้ในสภาผู้แทนราษฎร โดยแจ้งให้ทราบถึงการดำเนินการของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ว่า ไม่เคยได้รับแจ้งจากจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่านายวันเฉลิมเป็นบุคคลที่อาจเป็นภัยต่อประเทศด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ และนายวันเฉลิมไม่ได้มีสถานะเป็นผู้ลี้ภัยตามนิยามของสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ(UNHCR) โดยเชื่อว่า UNHCR รับทราบและติดตามกรณีนี้อย่างใกล้ชิด โดย UNHCR ต้องรอการชี้แจงและข้อมูลจากทางการกัมพูชาเช่นเดียวกัน
ประธานกสม. กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศชี้แจง ว่าวันที่ 11 มิถุนายน เอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญได้รับหนังสือจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชาซึ่งระบุว่าจากการตรวจสอบเบื้องต้น นายวันเฉลิมมีประวัติการเดินทางเข้า – ออกกัมพูชาหลายครั้งระหว่างปี 2557 – 2558 ครั้งล่าสุดเดินทางเข้ากัมพูชาวันที่ 19 ตุลาคม 2558 และได้รับการต่ออายุการตรวจลงตราถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ซึ่งทางการกัมพูชายังไม่สามารถยืนยันเหตุการณ์นี้ได้ เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบข้อเท็จจริง และกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งประเด็นนี้ให้น.ส.สิตานันท์ทราบตามที่มีหนังสือร้องเรียน
“หนังสือตอบกลับของปลัดกระทรวงต่างประเทศยังระบุด้วยว่าสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญได้ส่งข้อมูลทะเบียนรถยนต์ที่สันนิษฐานว่าเป็นรถยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุตามที่น.ส.สิตานันท์ให้ข้อมูลแก่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา เพื่อเป็นข้อมูลตรวจสอบหาข้อเท็จจริง และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญได้ติดตามความคืบหน้าของการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากทางการกัมพูชาอยู่เป็นระยะ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาแจ้งว่ายังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งนี้ กสม.จะติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และหวังว่าจะได้รับทราบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม เพื่อประสานการคุ้มครองด้านสิทธิมนุษยชนให้แก่นายวันเฉลิมและครอบครัวต่อไป” นายวัส กล่าว.-สำนักข่าวไทย