“พิพัฒน์” รอ ศบค.ชุดใหญ่เคาะคู่ประเทศท่องเที่ยว

กทม. 1 ก.ค.-รมว.ท่องเที่ยวฯ รอ ศบค.ชุดใหญ่เคาะเปิด Travel Bubble ตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 ล้านคน รายได้ รวม 1.23 ล้านล้านบาท



นายพิพัฒน์  รัชกิจประการ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยความคืบหน้า Travel Bubble และการเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาภายในประเทศที่มีข่าวว่าจะเป็นภายในเดือน ส.ค.นี้ ว่า ได้ลงพื้นที่สอบถามความเห็นและฟังเสียงจากผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อนจากการต้องหยุดกิจการ เนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่าหลังสถานการณ์ในบ้านเราดีขึ้น จากการที่ทุกหน่วยงานทุกภาคส่วนและประชาชนร่วมมือกันให้สถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลายตามลำดับ 


ในมุมมองของตนมั่นใจว่าขณะนี้ประเทศไทยพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามาได้ เนื่องจากมีหลายประเทศที่เปิดรับคนไทยให้ไปท่องเที่ยวได้ เช่น EU ที่บรรจุให้ไทยเป็น 1 ใน 14 ประเทศที่เดินทางเข้าไปท่องเที่ยวได้ แต่ก็ยังติดปัญหากับบางประเทศที่จะเข้าร่วมในการทำ Travel Bubble กับไทยว่ามีความพร้อมและยอมรับในเงื่อนไขของเราได้หรือไม่ 

ส่วนการจะเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติแรกเข้ามา ก็ขึ้นอยู่กับว่าในเดือนก.ค.นี้ จะไม่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ยังคงต้องมีการหารือกันระหว่างกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ,กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะมีการเสนอต่อที่ประชุม ศบค. ชุดใหญ่  ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อพิจารณาว่าจะเปิดรับนักท่องเที่ยวได้ในเดือน ส.ค.หรือไม่ 


นายพิพัฒน์ กล่าวด้วยว่า ในกรณีหากมีการอนุมัติให้เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา คาดว่าประเทศที่หารือกันไว้นั้นจะเป็นประเทศในแถบเอเชียและอาเซียน ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์เกาหลีใต้ ฮ่องกง โดยคาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวหากในเดือนสิงหาคมนี้ ศบค.อนุมัติปลดล็อกเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาจะมีตัวเลขนักท่องเที่ยวอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านคน ขณะที่ตัวเลขรายได้ทางกระทรวงและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยตั้งเป้าไว้อยู่ที่ 1.23 ล้านล้านบาท โดยเป็นรายได้รวมทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

อย่างไรก็ตามยังเชื่อว่าสิ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยวได้ดีที่สุดอีกทางหนึ่ง คือไทยเที่ยวไทย ที่ตั้งเป้าไว้ 100 ล้านคน/ครั้ง และเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ แม้ว่าจะไม่มีการเปิดรับนักท่องเที่ยวในเร็ววันนี้ก็ตาม ซึ่งจะทำให้การท่องเที่ยวขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางเข้ามา โดยจะกำหนดให้เป็นการท่องเที่ยวผ่านบริษัทนำเที่ยวก่อนและระบุพิกัด พื้นที่ในการเดินทางที่ชัดเจน อาจจะเป็นเมืองท่องเที่ยว เป็นเกาะ หรือสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถควบคุมดูแลได้ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังจะต้องมีการหารือถึงข้อสรุปร่วมกันกันอีกครั้งหนึ่ง .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง