ประจวบคีรีขันธ์ 29 มิ.ย.- ผู้ว่าฯ ประจวบคีรีขันธ์ แถลงข่าวแจงปมลูกจ้างสำนักงานจังหวัดยักยอกเงินหลวง พบเริ่มก่อเหตุตั้งแต่ เม.ย.62 ใช้บัตรของผู้เกี่ยวข้องสแกนเข้าระบบเบิกจ่าย เบื้องต้นอาจเกิดจากผู้บังคับบัญชาไว้ใจ หรืออาจไม่ชำนาญการใช้ระบบ จึงมอบบัตร 2 ใบ ให้ผู้ก่อเหตุ โดยมีการนำเงินออกไปกว่า 39 ล้านบาท แต่ตรวจพบขณะนี้ประมาณ 34 ล้านบาท
เมื่อเวลา 17.30 น.ที่ผ่านมา นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นำคณะแถลงข่าวที่จวนผู้ว่าฯ กรณีลูกจ้างสำนักงานจังหวัดฯ ยักยอกเงินหลวง 33.9 ล้านบาท หลังจากถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา
นายพัลลภ กล่าวว่า ได้ลาป่วยและเข้ารับการผ่าตัดตาในช่วงวันที่ 22-28 มิถุนายนที่ผ่านมา พอออกจากโรงพยาบาล จึงจัดแถลงข่าวกับสื่อมวลชนทันที โดยเมื่อตรวจพบความผิด จังหวัดได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้น 2 ชุด ชุดแรกเป็นคณะกรรมการสอบวินัยความผิดร้ายแรงในระบบราชการ และได้มีการเสนอคำสั่งไล่ออก น.ส.ขนิษฐา ลูกจ้างผู้ก่อเหตุ ออกจากราชการแล้ว ขณะนี้ผู้ต้องหาอยู่ในระหว่างการควบถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำประจวบคีรีขันธ์ และอีกคณะสอบถึงวิธีการกระทำผิด
ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชี้แจงต่อว่า ทุกสำนักงานราชการใช้ระบบ GFMIS ระบบบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ กระทรวงการคลัง ในการเบิกจ่ายเงินต่างๆ ของทางราชการ ผู้มีสิทธิ์เข้าไปใช้ระบบในฐานะผู้ปฏิบัติและในฐานะผู้อนุมัติ โดยพบว่าผู้ก่อเหตุใช้บัตรของผู้เกี่ยวข้องในการสแกนเข้าระบบเพื่อเบิกจ่าย
การก่อเหตุเริ่มเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2562 ผู้ก่อเหตุทำบัญชีหลักขึ้นมาใช้ชื่อของมารดาตนเองซื้อขายในระบบ จากนั้นเริ่มทดลองโอนเงินเข้า 100,000 บาท และนำเงินไปใช้ส่วนตัวเล่นการพนัน โดยในปี 2562 มีการทำผิดประมาณ 7-8 ครั้ง และหยุดไป เริ่มอีกทีในปีงบประมาณ 2563 และทำต่อเนื่องมา เป็นการทุจริตลักษณะใหม่ ซึ่งกระทำจากออนไลน์ในระบบ ใช้การทำงานในระบบสามารถเข้าไปสู่ข้อมูลได้ และมีการใช้เช็คที่มีการปลอมลายเซ็นของผู้มีอำนาจ ก็คือหัวหน้างานระดับจังหวัด ในการเบิกจ่าย ในเบื้องต้นพบว่ามีการนำเงินออกไป 39,221,151.50 บาท แต่ที่ตรวจพบขณะนี้มีอยู่ 34,786,750 บาท
เบื้องต้นอาจจะเกิดจากผู้บังคับบัญชาไว้วางใจ หรืออาจเป็นความไม่ชำนาญการในการใช้ระบบ จึงมอบบัตร 2 ใบ ให้ผู้ก่อเหตุใช้ดำเนินการผ่านเครื่องมือ ไม่ว่าจะเป็นสัญญาการอนุมัติและการเบิกจ่ายเงิน ขณะนี้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกำลังสอบขยายผลเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องขึ้นมาตั้งแต่หัวหน้ากลุ่ม หัวหน้าสำนักงาน และได้แจ้งไปยัง ปปง.ให้ตรวจเส้นทางการเงิน รวมถึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด และขณะนี้ได้แต่งตั้งชุดติดตามสืบสวนเจ้าของบัญชีการพนันออนไลน์ เพื่อดำเนินคดีต่อไปแล้ว.-สำนักข่าวไทย