26 มิ.ย.-ตำนานผู้หญิงชุดดำสุดหลอน แห่งวัดเสมียนนารี เรื่องราวสยองขวัญที่ถูกส่งต่อเล่าขานกันมานานหลายปี
ถ้าพูดถึงชื่อวัดเสมียนนารี (วัดแคราย) คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อนี้ ถึงแม้ว่าสิ่งที่คนส่วนใหญ่พูดถึงจะเกี่ยวข้องกับเรื่องลึกลับอย่างผี หรือว่าวิญญาณก็ตาม แต่ว่านอกจากเรื่องนี้แล้ว วัดเสมียนนารีถูกจัดให้เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีประวัติอันยาวนานกว่า 150 ปี อีกเรื่องหนึ่งที่มีการกล่าวถึงมาจนถึงทุกวันนี้คือ เรื่องของตำนานสองผีสาวชุดดำ วัดเสมียนนารี
เรื่องราวมีอยู่ว่า มีผู้หญิง 2 คน อายุประมาณ 20 – 28 ปี ซึ่งเป็นพี่น้องกัน ยืนโบกรถห่างจะบริเวณโดยรอบของวัดเสมียนนารี ประมาณ 10 กิโลเมตร แต่งกายชุดดำยืนอยู่ในที่เปลี่ยวๆ ข้างถนน คอยให้คนมารับ เมื่อผู้ใดที่รับสาวทั้งสองคนขึ้นมา พวกเธอก็จะขอให้ไปส่งที่หน้าวัดเสมียนนารี เมื่อส่งถึงที่ ถ้าใครหันไปก็จะพบว่าพวกเธอหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ส่วนอีกเรื่องเล่า ในอดีตใครที่ต้องขับรถผ่านทางรถไฟ ด้วยอาถรรพ์อะไรสักอย่างจะทำให้รถดับ สตาร์ทไม่ติด เหลือเพียงแต่ไฟหน้ารถที่ส่องสว่างตรงไปยังรางรถไฟ ทันใดนั้นมีเห็นผู้หญิงสองคน ตัวขาดครึ่ง หน้าโชกไปด้วยเลือด คลานลากไส้ตัวเองตรงเข้ามาหน้ารถ จนขึ้นฝากระโปรง
และก็ยังมีเรื่องเล่ากันว่า สองพี่น้องคนนี้กำลังขี่รถจักรยานยนต์ไปงานศพแม่ที่จัดอยู่ในวัดเสมียน ในระหว่างทางจะต้องข้ามทางรถไฟด้วยความเร่งรีบเพื่อที่จะไปให้ทันพระสวด โดยไม่ทันระวังว่ารถไฟได้ใกล้เข้ามา ทำให้ร่างของทั้งสองโดนรถไฟชนขาดสองท่อน ด้วยความอาลัยแม่ และห่วงว่าจะไม่ได้ร่วมงานศพ เลยวนเวียนอยู่โดยรอบวัดมากว่าหลายสิบปี จนกลายเป็นเรื่องเล่าจนถึงปัจจุบัน
แต่เรื่องที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยๆ คงจะเป็นหญิงสาวโบกรถจากที่ต่างๆ เพื่อให้มาส่งที่วัดเสมียนนารี แต่เมื่อมาถึงวัด หันไปหาหญิงสาวปรากฏหายตัวไปแล้ว ได้ยินเรื่องเล่ามานาน เลยอยากรู้ว่ามันมีจริงๆ ใช่ไหม เลยไปลองถามพี่ๆ ตุ๊กตุ๊ก ที่ขับรถอยู่แถวนั้น ชื่อ พี่สิทธิ์ เล่าให้ฟังว่า แกขับอยู่แถวนี้มานานหลายสิบปี เคยได้ยินเรื่องเล่าความเฮี้ยน แต่ยังไม่เคยเจอกับตัว แต่ว่ามีเพื่อนที่ขับแท๊กซี่ เล่าให้ฟังเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว มาเจอผู้หญิงคนหนึ่ง ขอให้มาส่งที่วัด พอมาถึงวัด จะหันไปบอกแต่ไม่เจอใคร ช็อก!! ตกใจมาก
แล้วผู้หญิงสองคนนี้ คือ ใครกันแน่ มีประวัติเป็นมาอย่างไร วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบกัน เมื่อหลายสิบปีก่อนมีข่าวหนังสือพิมพ์ลงข่าวการตายของหญิงสาวสองพี่น้อง พาดหัวข่าวว่า “ตายขาดสยอง” สาเหตุการตายเพราะโดนรถไฟทับจนตัวขาดครึ่งจนเครื่องในเละเต็มพื้นไปหมด สาเหตุที่โดนรถไฟทับเกิดจากพี่น้องสองคนนี้ขับรถสวนชนเข้ากับรถไฟ เรื่องราวก็ผ่านกันมาหลายสิบปีจนข้อเท็จจริงเริ่มเลือนหายไปทุกที เหลือแต่ตำนานที่เล่าต่อกันมา
เรื่องนี้คงไม่มีใครจะตอบได้ดีไปกว่า พระเทพวรสิทธาจารย์ เจ้าอาวาสวัดเสมียนนารี ผู้ที่ต้องอยู่ที่วัดมาตลอดหลายสิบปี เล่าให้ฟังว่า อาตมาอยู่ที่วัดมานานกว่า 50 ปี ได้ยินเรื่องเล่าความเฮี้ยนของผีสองพี่น้องที่หลอกหลอนคนแถวนี้อยู่ตลอด แต่ยืนยันว่าตัวท่าน และพระลูกวัดไม่ว่าจะพระเก่า หรือพระใหม่ ก็ไม่มีใครเคยเจอ หรือแม้แต่ชาวบ้านที่มีบ้านอยู่ฝั่งตรงข้ามวัดต้องเดินผ่านวัดกลางค่ำกลางคืนมาตลอดหลายสิบปี ก็ไม่มีใครมาบ่น มาพูดให้อาตมา หรือพระลูกวัดฟังแม้แต่รายเดียว
เจ้าอาวาสวัดเสมียนนารี กล่าวทิ้งท้ายว่า เรื่องราวมันก็ผ่านมานานหลายสิบปีแล้ว ป่านนี้ผี วิญญาณคงไปผุดไปเกิดหมดแล้ว คงไม่มีผีมารอหลอกอยู่ใต้รถไฟฟ้าเป็นแน่แท้ และอย่าเพิ่งเชื่อโดยฟังตามกันมา บางคนเมื่อฟังตามกันมาก็เกิดความเชื่อ เมื่อคนนั้นว่าอย่างนั้น คนนี้ว่าอย่างนี้ ก็เชื่อตามกันไป โดยเพียงแค่ “เขาบอกว่า” ขอให้มีสติ คิดตรึกตรองด้วยปัญญา และเหตุผลก่อนที่จะเชื่อ ไม่ใช่แค่เรื่องผีสาง แต่ต้องใช้กับทุกเรื่อง เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของคำคน.-สำนักข่าวไทย