สำนักงานกกต. 17 มิ.ย.-“ศรีสุวรรณ” ร้องกกต.ส่งหนังสือถึงรัฐบาลเร่งจัดเลือกตั้งท้องถิ่นทุกระดับพร้อมกันเดอนต.ค.นี้ ระบุถ้าเพิกเฉย ประวิงเวลา หนังสือฉบับนี้จะเป็นหลักฐานสำคัญเอาผิดทั้งกกต.-ครม.ละเว้นปฎิบัติหน้าที่
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือต่อกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ขอให้กกต.ส่งหนังสือไปยังรัฐบาลเพื่อยืนยันความพร้อมจัดการเลือกตั้งผู้บริหารและสมาชิกสภาท้องถิ่น โดยนายศรีสุวรรณระบุว่าตามกฎหมายกำหนดให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) เป็นผู้กำหนดว่าจะเลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อใด ซึ่งที่ผ่านมาทางสมาคมติดตามการออกระเบียบและประกาศต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งท้องถิ่นของกกต.แล้ว พบว่าระเบียบแล้วเสร็จตั้งแต่ต้นปี 2563 และเลขาธิการกกต.ระบุว่าพร้อมจัดการเลือกตั้งและมีงบประมาณเตรียมไว้อยู่แล้ว
นายศรีสุวรรณ กล่าวงว่า การที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมายระบุว่าระเบียบต่าง ๆ ยังไม่พร้อม เงินไม่มี จึงไม่เป็นความจริง และนับตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ยึดอำนาจตั้งแต่ปี 2557 ท้องถิ่นหลายแห่ง ผู้บริหารท้องถิ่นบางแห่งหมดวาระ แต่ยังอยู่ปฎิบัติหน้าที่มาเป็นเวลา 6-7 ปี ขณะที่บางแห่งไม่มีผู้บริหาร ปลัดท้องถิ่นทำหน้าที่รักษาการก็ตั้งคนใกล้ชิดขึ้นมาช่วยทำหน้าที่ ทำให้ประชาชนไม่สามารถตรวจสอบได้
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง และในระบอบประชาธิปไตยถือว่าการเลือกตั้งเป็นพื้นฐานสำคัญของการได้ตัวแทนประชาชนมาใช้อำนาจ จึงควรให้ท้องถิ่นเลือกตั้งได้แล้ว การประวิงเวลาไม่มีประโยชน์ ข้ออ้างว่าไม่มีงบฯ ถ้ามีปัญหาก็สามารถใช้งบฯกลางจัดการเลือกตั้งได้ หรือถ้าบอกว่ากลัวการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ไม่มีน้ำหนัก เพราะกกต.ยังจัดการเลือกตั้งซ่อมที่ลำปางได้ เพราะฉะนั้นกกต.จึงต้องแอคชั่นให้มากกว่านี้ โดยทำหนังสือไปถึงรัฐบาลว่ากกต.พร้อมจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นและมีงบประมาณเพียงพอ
“ถ้ารัฐบาลเพิกเฉย ประวิงเวลา หนังสือที่ผมนำมายื่นจะเป็นหลักฐานสำคัญที่จะเอาผิดทั้งกกต.และครม.ฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ดังนั้นการเลือกตั้งควรจะมีขึ้นภายในปีนี้ ถ้าจะดีควรจะมีตั้งแต่เดือนตุลาคม เพราะมีช่วงเวลาให้ผู้สมัครได้หาเสียง และถ้าเลือกตั้งท้องถิ่นก็ควรจะเลือกพร้อมกันทุกระดับ ไม่ใช่จะมาแบ่งว่าต้องระดับไหนก่อน เพราะการจัดพร้อมกันจะทำให้เกิดการตื่นตัวของประชาชน ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเคลื่อนไหว เพราะผู้สมัครและพรรคการเมืองจะใช้เงินหาเสียง จัดทำป้าย ซึ่งคิดว่าจะมีเงินหมุนเวียน 7-8 หมื่นล้านบาท ดีกว่ารัฐบาลแจกเงินให้คนไปเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจทางอ้อมอย่างมหาศาล” นายศรีสุวรรณ กล่าว.-สำนักข่าวไทย