สุราษฎร์ธานี 16 มิ.ย. – ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี อุ้มหนุ่มวัย 26 ปี ขณะนั่งอยู่กับแฟนสาว และมีการฉุดกระชากกัน โดยที่แฟนสาวพยายามสอบถาม เมื่อไม่ได้คำตอบก็ขึ้นรถไปด้วย ในที่สุดไปโรงพักตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติด ก่อนปล่อยตัวกลับ ที่แท้จับผิดตัว ผู้กำกับการกล่าวขอโทษ ขณะที่ผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ว่า “ในชีวิตไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องมาเจออะไรแบบนี้ ไปซ่อมรถเมื่อตอนเย็นนี้ แถวศาลากลางกับแฟน นั่งเล่นเกมฆ่าเวลา มีรถกระบะมาจอด มีคนลงมาจากรถ 5-6 คน จากนั้นลากแฟนขึ้นรถ ขอให้แสดงบัตรก็ไม่เเสดง จนเราไปขวางประตูรถไม่ให้แฟนไปแน่ๆ ถ้ายังไม่แสดงบัตร จนมีคนหนึ่งเปิดรูปบัตรในโทรศัพท์ให้ดู แต่เราได้อ่านแค่ชื่อและยศ นามสกุลไม่ทันได้อ่าน จากนั้นคนแถวๆ นั้นก็มาช่วยกันถ่ายวิดีโอ ถ่ายรูปไว้ เค้ากระชากเราแรงมากๆ แรงจนเราคิดว่านี่เค้าเป็นตำรวจจริงๆ เหรอ ทำไมเค้ากระชากเราแรงแบบนี้ เค้าจึงยอมให้เราขึ้นตามไปด้วย จากนั้นก็พาไปโรงพักจริงๆ ตรวจฉี่ไรก็ไม่เจอ เค้าจะให้เราเดินกลับ เราก็พูดไปว่า พามาได้ทำไมพากลับไปส่งที่เดิมไม่ได้ แต่คนที่อยู่ที่โรงพักก่อนๆ เค้าพูดดีนะคะ เราเจอแต่ในข่าวไม่เคยคิดว่าจะมาเจอกับตัวเองแบบนี้”
ล่าสุดวันนี้ (16 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้พบกับนายวิทนันท์ สุวรรณเกยูร อายุ 26 ปี และ น.ส.ออมสิน คลังเจ็ด อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปี 1 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี นายวิทนันท์ กล่าวว่า โชคดีที่ชาวบ้านถ่ายคลิปเอาไว้จึงเป็นหลักฐาน ตนเองไม่ติดใจเอาความ แต่อยากจะพูดคุยให้เคลียร์ และอย่าให้เกิดกรณีดังกล่าวกับคนอื่น ซึ่งมันเป็นอันตรายมาก และก็ไม่รู้ว่าจะโดนอุ้มเพราะอะไร พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เมื่อช่วงเย็นวานนี้ มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาจากรถกระบะสีบรอนซ์ทอง มานั่งใกล้ เมื่อนั่งสักพักก็เดินกลับไปที่รถ และเรียกพวกมา 4 คน รวมเป็น 5 คน กรูกันเข้ามาจับตัวตนเอง จึงถามว่าจับกุมในข้อหาอะไร ตนไม่ได้ทำผิด และทำการค้นตัวแต่ไม่พบอะไร และพยายามพาขึ้นรถ พามาโรงพักและตรวจปัสสาวะ แต่ไม่พบสารเสพติด ก็บอกว่าหน้าคล้ายกันจับผิดตัว จึงปล่อยตัว
ต่อมาช่วงบ่ายวันนี้ ทั้งคู่ได้เข้าพบกับ พ.ต.อ.ศิริชัย สุขสาตต์ ผู้กำกับการ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี และตำรวจทั้งหมดที่จับกุม ได้ขอโทษกับทั้งสองคน พร้อมระบุว่าเป็นการเข้าใจผิด เนื่องจากน้องผู้ชายมีใบหน้าและรูปร่างใกล้เคียงกับบุคคลผู้ที่เกี่ยวพันกับขบวนการค้ายาเสพติดและเป็นเครือข่ายแก๊งโจรกรรมรถจักรยานยนต์ ซึ่งทั้งคู่ก็ไม่ติดใจเอาความ แต่ขอให้เจ้าหน้าที่ทำงานในครั้งต่อไปพยายามอย่าใช้ความรุนแรงและพูดจาให้รู้เรื่องก่อนที่จะควบคุมตัวมา. – สำนักข่าวไทย