กรุงเทพฯ 15 มิ.ย.-“สมคิด” ย้ำบีโอไอเร่งศึกษาแพ็กเกจปั้นผู้ประกอบการไทยเป็นยูนิคอร์นภายใน 5 ปี สร้างความเข้มแข็งอุตสาหกรรมอาหาร-เกษตรแปรรูปด้วยลำแข้ง ดันไทยฮับซีแอลเอ็มวีที
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการติดตามการดำเนินงานและมอบนโยบายสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ว่า ได้มอบหมายให้บีโอไอเร่งศึกษามาตรการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มเติมให้แก่ผู้ประกอบการไทยมีการลงทุนในประเทศมากขึ้น ตั้งเป้าหมายยกระดับผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่มสตาร์ทอัพขนาดกลางและรายย่อยไปสู่การเป็นยูนิคอร์นภายใน 5 ปี มีมูลค่ากิจการมากกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารและเกษตรแปรรูป เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในกลุ่มซีแอลเอ็มวีที (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย)
ทั้งนี้ เนื่องจากอุตสาหกรรมอาหารและเกษตรแปรรูปของไทยมีความได้เปรียบในแง่ของผลผลิตด้านการเกษตรที่มีคุณภาพเป็นวัตถุดิบที่ต่างชาติให้การยอมรับ การเชื่อมโยงโลจิสติกส์ สิทธิประโยชน์ และมีห่วงโซ่การผลิตที่เข้มแข็ง แม้จะมีอัตราค่าจ้างแรงงานอยู่ในระดับสูงกว่าประเทศอื่น แต่ไทยยังเป็นประเทศที่ต่างชาติให้ความสนใจเข้ามาลงทุน ซึ่งระยะข้างหน้าอุตสาหกรรมบริการด้านการแพทย์ การท่องเที่ยว โลจิสติกส์ ดิจิทัล ยังเป็นอุตสาหกรรมที่มีอนาคตสดใส
“วันนี้ให้โจทย์บีโอไอไปว่าถ้าไทยจะเป็นฮับเหล่านี้จะดึงดูดให้เกิดการลงทุนได้อย่างไร โดยให้ระดมสมองร่วมกับสถาบันการศึกษา เน้นการพัฒนาและยกระดับเกษตรกรรมระดับท้องถิ่น จูงใจให้คนไทยกลับไปพัฒนาท้องถิ่นของตัวเอง ทำให้เกิดการจ้างงาน เกิดรายได้ ซึ่งอยากให้บีโอไอสร้างการเชื่อมโยงกับเกษตรอัจฉริยะ (สมาร์ทฟาร์มเมอร์) นำไปสู่การเชื่อมโยงการตลาดโลก ซึ่งเชื่อว่าบีโอไอจะสามารถออกแบบมาตรการส่งเสริมได้ไม่ยากนัก” นายสมคิด กล่าว
นายสมคิด กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการดังกล่าวนับเป็นการเปลี่ยนแปลงทิศทางเชิงนโยบายจากที่เคยเน้นดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) มาเป็นการส่งเสริมการลงทุนและผลิตสินค้าในไทยเป็นหลักก่อน ช่วยสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างมูลค่าเศรษฐกิจในประเทศ สุดท้ายนักลงทุนต่างชาติก็จะเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนจากจีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น และไต้หวันที่สนใจเข้ามาลงทุนในไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม บีโอไอจะนำเสนอมาตรการดังกล่าวให้ที่ประชุมบอร์ดบีโอไอ ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิจารณาเห็นชอบต่อไปเร็ว ๆ นี้ เพิ่มเติมจากที่ผ่านมาที่คณะกรรมการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเห็นชอบให้คณะอนุกรรมการสรรหาและเจรจามีอำนาจพิจารณาอนุมัติโครงการลงทุนขนาดวงเงินไม่เกิน 100 ล้านบาท ได้ทันทีโดยไม่ต้องเสนอให้บอร์ดบีโอไอพิจารณา . – สำนักข่าวไทย