กรุงเทพฯ 15 มิ.ย.-ผอ.กพท.นัดถกทุกสายการบินระหว่างประเทศพรุ่งนี้ หารือมาตรการเตรียมพร้อมกลับมาทำการบินในอนาคต ยอมรับปรับจูนมาตรการสาธารณสุขของไทยและมาตรฐาน ICAO เข้าหากัน แง้มกลุ่มนักธุรกิจ นักลงทุนกลับมาบินก่อน ส่วน Travel Bubble ต้องรออีกระยะ
นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้ (16 มิ.ย.) เวลา 09.30 น. กพท.ได้นัดหารือสายการบินทุกแห่ง สายการบินที่มีเส้นทางบินระหว่างประเทศ เพื่อพูดคุยถึงมาตรการเตรียมพร้อมที่จะกลับมาทำการบินในอนาคต โดยส่วนหนึ่งยอมรับว่าเป็นการทำความเข้าใจถึงการปรับจูนมาตรการควบคุมโรคที่สาธารณสุขของไทยออกประกาศและสอดรับกับมาตรการควบคุม การให้บริการการบินที่ กพท.ประกาศไปก่อนหน้านี้ ซึ่งต้องนำมาพิจารณาร่วมกับมาตรฐานด้านการบินขององค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งก่อนหน้านี้ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ICAO ได้มีการปรับมาตรการให้สอดคล้องกับการควบคุมโรคขององค์การอนามัยโลก (WHO) ไปแล้ว
“เบื้องต้นจะพูดคุยถึงมาตรการที่ต้องใช้ควบคู่กับมาตรการสาธารณสุขของไทย เช่น มาตรการเว้นระยะห่าง ทั้งที่ท่าอากาศยานและบนเครื่องบิน การพิจารณาวิธีปฎิบัติ หากจะมีการเสิร์ฟอาหารบนเครื่องบินว่าจะทำได้หรือไม่ รวมถึงมาตรการที่ต้องมีการกั้นพื้นที่บนเครื่องไว้ส่วนหนึ่ง เพื่อรองรับกรณีหากมีผู้โดยสารป่วย” นายจุฬา กล่าว
ส่วนประเด็นว่าเส้นทางบินระหว่างประเทศนั้น จะเริ่มกลับมาทำการบินได้เมื่อใด ผู้อำนวยการ กพท.ระบุว่า ความเป็นไปได้ขณะนี้ สำหรับกลุ่มผู้โดยสารกลุ่มแรกที่อาจจะมีการผ่อนคลายให้สามารถโดยสารอากาศยานเส้นทางระหว่างประเทศ น่าจะเป็นกลุ่มนักธุรกิจและนักลงทุน ซึ่งมีความจำเป็นต้องเดินทางไปดูแลธุรกิจของตัวเองที่ได้มีการลงทุนไว้ในต่างประเทศ รวมทั้งปัจจัยที่กลุ่มนักธุรกิจน่าจะมีความพร้อมในกรณีที่อาจจะต้องเจอมาตรการกักตัวในประเทศปลายทาง หรือการรักษาพยาบาลต่าง ๆ ก็จะเป็นกลุ่มผู้โดยสารที่สามารถมีกำลังรองรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นได้ ส่วนการเดินทางของนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวสร้างรายได้ หรือ Travel Bubble นั้น คงจะต้องพิจารณาระยะต่อไป โดยยังไม่น่าจะทันเดือนกรกฎาคมนี้ เนื่องจากในส่วนของนักท่องเที่ยวนั้น คงต้องมีองค์ประกอบการพิจารณาหลายเรื่อง ทั้งสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในต่างประเทศ รวมทั้งประเด็นว่าสายการบินจะกลับมาทำการบินในเส้นทางบินใดบ้าง ที่มีผู้โดยสารเพียงพอคุ้มกับต้นทุนในการประกอบการในอนาคตอันใกล้.-สำนักข่าวไทย