อธิบดี พช.ปลื้มผลนำร่อง 8 จังหวัด ปลูกผักครัวเรือน

สำนักข่าวไทย 14 มิ.ย.- 8 จังหวัดเฮ!! นำร่องทุกครัวเรือน ปลูกผักสวนครัวทะลุ 100%  อธิบดี พช. มั่นใจสิ้นเดือน มิ.ย.กว่า 12 ล้านครัวเรือน ร่วมปลูกผักทั่วประเทศ หนุนสร้างความมั่นคงด้านอาหาร


นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยความคืบหน้าจากการน้อมนำแนวพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สู่แผนปฏิบัติการ 90 วัน ปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารของกรมการพัฒนาชุมชน ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 และจะสิ้นสุดโครงการวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ว่า ขณะนี้มี 8 จังหวัด ที่นำร่องรณรงค์ทุกครัวเรือนจนปลูกผักสวนครัวครบ 100% แล้ว ได้แก่ จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดตาก จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดพัทลุง จังหวัดสุโขทัย จังหวัดอุดรธานี และ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งมั่นใจว่าทุกครัวเรือนทั่วประเทศไทย จำนวนเกือบ 13 ล้านครัวเรือน จะร่วมปลูกผักสวนครัวได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ภายในเดือนมิถุนายนนี้อย่างแน่นอน 


นายสุทธิพงษ์ กล่าวด้วยว่า กรมการพัฒนาชุมชน ได้รับพระเมตตาจากสมเด็จพระสังฆราช ประทานเมล็ดพันธุ์ผักให้แก่วัดทั่วประเทศ ทั้งยังให้วัดที่มีพื้นที่ดินอนุญาตให้ประชาชนสามารถใช้พื้นที่ดินวัดปลูกผักสวนครัว ตามแผนปฏิบัติการ 90 วัน ปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารอีกด้วย นับเป็นบุญของชาวไทยที่สมเด็จพระสังฆราชทรงมีพระเมตตา นับเป็นการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายครัวเรือนแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก

“ขณะนี้ 76 จังหวัดทั่วประเทศ รวมพลังปลูกผักสวนครัวไปแล้วถึง 11,979,004 ครัวเรือน คิดเป็น 92.31% (ข้อมูล 13 มิ.ย. 63) ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วมาก และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง เพราะแผนปฏิบัติการ 90 วัน ปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร จะสามารถช่วยลดรายจ่ายจากการซื้อผักมาบริโภคในระดับครัวเรือน โดย 1 ครัวเรือนสามารถลดค่าใช้จ่ายได้ 50 บาท/วัน ถ้า 12 ล้านครัวเรือนจะลดรายจ่ายวันละ 600 ล้านบาท หรือประมาณ 216,000 ล้านบาท/ปี ซึ่งจะทำให้ครัวเรือนมีเงินเก็บไว้ใช้สอยในสิ่งจำเป็น ขณะเดียวกันคนไทยก็มีผักรับประทานตลอดทั้งปี เป็นพืชผักปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากสารพิษตกค้าง และยังส่งผลให้ชุมชนเข้มแข็งมีความมั่นคงทางอาหารขจัดหิวโหยให้หมดไปซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ข้อที่ 2 คือ Zero Hunger หรือขจัดความหิวโหย


นอกจากนี้ เมื่อครบกำหนด 90 วันตามโครงการจะมีการประเมินผลการดำเนินงานทั่วประเทศ โดยกำหนดแผนว่าครัวเรือนที่สามารถปฏิบัติตามแผนได้อย่างต่อเนื่องและถูกต้อง จะให้สมัครเป็นสมาชิกโครงการบ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเองในพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี”.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย