จันทบุรี 11 มิ.ย.- “ประภัตร” รมช.เกษตรฯ ลุยเมืองจันท์แก้ปัญหาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ช่วยชาวสวน ห่วงช่วงนี้ฝนตก แต่ไม่มีพื้นที่กักเก็บ และส่งผลกระทบไปถึงหน้าแล้ง
นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.จันทบุรี โดยมีนายอลงกรณ์ แอคะรัจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ให้การต้อนรับ และนายอำพันธุ์ เวฬุตันติ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขต 8 นายอาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร พร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงพลังงาน กรมชลประทาน องค์การบริหารส่วนตำบล ตลอดจนตัวแทนเกษตรกรผู้ใช้น้ำ เข้าร่วมประชุม ณ สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าบ้านบางจะอ้าย หมู่ 7 ตำบลมะขามเมืองใหม่ อ.มะขาม จ.จันทบุรีว่า การลงพื้นที่ในวันนี้เพื่อหารือร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการติดตามและเร่งรัดให้ความช่วยเหลือการสนับสนุนท่อส่งน้ำและพิจารณางบประมาณในการปรับเปลี่ยนท่อส่งน้ำ โดยได้รับฟังปัญหาจากกลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำดิบบ้านบางจะอ้าย คลองขวาง ทุ่งตะโหนด ภายหลังจากชาวบ้านได้ยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563 โดยประสบปัญหาเนื่องจากท่อส่งน้ำดังกล่าวผ่านการใช้งานต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลานาน ทำให้เกิดการชำรุดเสียหายบ่อยครั้ง ส่งผลให้เกษตรกรเกิดความเดือดร้อนในพื้นที่กว่า 50 ครัวเรือน หรือคิดเป็นพื้นที่ 5,500 ไร่ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเร่งเข้าช่วยเหลือให้มีน้ำใช้ในการเกษตรกรตลอดทั้งปี
นายประภัตร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นห่วงเกษตรกร จึงเน้นย้ำในการแก้ปัญหาแหล่งน้ำ โดยช่วงนี้เกิดฝนตกทำให้มีน้ำมาก แต่ชาวบ้าน จ.จันทบุรี ไม่มีพื้นที่เก็บกัก โดยเฉพาะช่วงหน้าแล้งได้รับผลกระทบหนัก จึงประชุมหารือร่วมกัน โดยมอบแนวทางให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจพื้นที่หาแหล่งเก็บกักน้ำ นอกจากนี้ ในการแก้ไขปัญหาสถานีสูบน้ำบางจะอ้าย ต.มะขามเมืองใหม่ อ.มะขาม จ.จันทบุรี นั้นได้มอบแนวทางให้วางระบบท่อส่งน้ำที่มีอยู่แล้วแต่เสียหาย ให้ปรับปรุงและเพิ่มระยะทางท่อส่งน้ำจากเดิม 13 กิโลเมตร เป็น 20 กิผดลเมตร โดยสูบน้ำมาจากแม่น้ำจันทบุรี ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ได้เตรียมประชุมคณะกรรมการบูรณาการระดับจังหวัด โดยจะนำโครงการดังกล่าว เสนอคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.บ.จ.) พิจารณาให้ความเห็นชอบ ภายใต้กรอบนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ 400,000 ล้านบาท ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือชาวบ้านในการร่วมกันแก้ปัญหาเรื่องน้ำให้กับเกษตรกรชาวสวน เนื่องจากพื้นที่ในจังหวัดจันทบุรีเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ ที่ดินมีราคาแพง ทำให้ลำบากต่อการขุดบ่อ หรืออ่างเก็บน้ำ ซึ่งรัฐบาลยินดีเข้ามาช่วย เบื้องต้น ได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์สนับสนุนให้ความช่วยเหลือชาวสวน โดยใช้พื้นที่ของกรมขุดเก็บกักน้ำให้ชาวสวนด้วย สำหรับปัญหาด้านราคาผลไม้ ซึ่งขณะนี้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะ มังคุด และลองกอง ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการเกษตรเร่งกระจายผลไม้ออกสู่ภาคกลาง และภาคอื่นๆ ให้ได้มากที่สุด
ด้านนายอาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า จ.จันทบุรี เป็นแหล่งผลิตทุเรียนแหล่งใหญ่ของประเทศไทย มีพื้นที่ปลูก 238,932 ไร่ มีเนื้อที่ให้ผล 195,936 ไร่ คาดว่าจะมีปริมาณผลผลิตรวม 417,344 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2562 จำนวน 78,082 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.00 เนื่องจากมีเนื้อที่ให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น และมีปริมาณผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่สูงขึ้น ปัจจุบันไม้ผล 3 ชนิดของภาคตะวันออกคือทุเรียน มังคุด และลำไย ทำรายได้เข้าประเทศปีละกว่าแสนล้านบาทและสร้างรายได้และความมั่นคงให้กับเกษตรกรชาวสวน ดังนั้นไม่สามารถปล่อยให้มีปัญหาการส่งออกจากการที่โรงคัดบรรจุไม่มี GMP และแปลงผลิตพืชไม่มี GAP โดยคาดว่าปี 2563 นี้ ไทยสามารถส่งออกทุเรียนไปยังประเทศจีนประมาณ 600,000 ตันเพิ่มจากปี 2562 ที่ส่งออกได้ กว่า 580,000 ตันเท่านั้น เนื่องจากมีพื้นที่ทุเรียนที่ให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น.-สำนักข่าวไทย