กรมอนามัย10 มิ.ย.-กรมอนามัยร่วมเอกชนผุดโครงการ “กินอยู่ปลอดภัย”รณรงค์ให้ผู้ประกอบการร้านอาหาร-ประชาชน ตระหนักการใช้บรรจุภัณฑ์อาหารที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ ไม่ใช้โฟม ถุง หรือกล่องบรรจุภัณฑ์พลาสติก ที่อาจเสี่ยงให้เกิดสารปนเปื้อนในอาหาร เพื่อลดปริมาณขยะหลังพบช่วงโควิด- 19 มีขยะเพิ่ม 6,300 ตันต่อวัน
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)เปิดเผยภายหลังพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินโครงการ “กินอยู่ปลอดภัย” ระหว่างกรมอนามัย ร่วมกับบริษัท บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม จำกัด(มหาชน) ว่า จากมาตรการผ่อนปรนสถานประกอบกิจการประเภทต่างๆ ของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หรือ ศบค.หนึ่งในนั้น คือสถานประกอบการประเภทร้านอาหาร รถเข็น หาบเร่ แผงลอย ที่ต้องคุมเข้มด้านความสะอาด ปลอดภัย และปฏิบัติตามแนวทางมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอย่างเคร่งครัดเพราะสถานที่จำหน่ายอาหารเป็นสถานที่ที่มีคนมาจากหลากหลายพื้นที่และมีความเสี่ยงการปนเปื้อนเชื้อโรค โดยที่ผ่านมาตามมาตรการของ ศบค.กำหนดให้ร้านอาหารต่างๆ จำหน่ายอาหารแบบซื้อกลับบ้าน เพื่อป้องกันการรวมตัวและลดความแออัด อย่างไรก็ตามพบว่าสถานที่จำหน่ายอาหารรูปแบบเดลิเวอรีในช่วงนี้ ส่งผลให้เกิดปริมาณขยะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะขยะพลาสติก เช่น กล่องพลาสติกใส่อาหาร ช้อน ส้อม แก้ว หลอดดูด มีปริมาณเพิ่มขึ้นเป็น 6,300 ตันต่อวัน เฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร ประมาณ 1,500 ตันต่อวัน
“กรมอนามัยจึงขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการร้านอาหารกำจัดขยะให้ถูกวิธีและปรับเปลี่ยนจากภาชนะใส่อาหารประเภทพลาสติก มาใช้ผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ เช่น ปิ่นโต เพื่อลดปริมาณขยะ หรือทดแทนด้วยผลิตภัณฑ์ที่ทำจากธรรมชาติ เช่น ชานอ้อย มันสำปะหลัง และพลาสติกชีวภาพย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากในประเทศหรือต่างประเทศสำหรับใช้กับอาหาร ส่วนผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่นำมาบรรจุอาหาร เช่น ชานอ้อย มันสำปะหลัง และพลาสติกชีวภาพนั้น เป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาใช้บรรจุอาหารเพียงครั้งเดียว ไม่สามารถใช้ซ้ำได้แต่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ด้าน นพ.วีรฉัตร กิตติรัตนไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภาชีวะเกรซ กล่าวว่า เนื่องจากบริษัทเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ภาชีวะจากเยื่อพืชธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่เคลือบพลาสติก ปลอดภัย และสามารถย่อยสลายด้วยการฝังกลบดินได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ภายในระยะเวลา 45 วัน ที่ตอบโจทย์เรื่องความปลอดภัยทั้งต่อสุขภาพและต่อสิ่งแวดล้อม
ดังนั้น การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินโครงการ “กินอยู่ปลอดภัย” ระหว่างกรมอนามัยกับบริษัทฯในครั้งนี้ ถือเป็นการรณรงค์ให้ผู้ประกอบการร้านอาหารและประชาชนตระหนักถึงความปลอดภัยของอาหาร การปนเปื้อนในอาหาร และใช้บรรจุภัณฑ์อาหารที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ เช่น การไม่ใช้โฟม ถุง หรือกล่องบรรจุภัณฑ์พลาสติก ที่อาจเสี่ยงให้เกิดสารปนเปื้อนในอาหาร รวมทั้งส่งเสริมความรู้ แก่ผู้ประกอบการร้านอาหารและประชาชนในการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์อาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีการแยกขยะที่ถูกต้อง เพื่อไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมตามมาในระยะยาว .-สำนักข่าวไทย