ทำเนียบฯ 8 มิ.ย.- สุวิทย์ เผย เตรียมหารือ “อุตตม-สนธิรัตน์” กำหนดอนาคตทางการเมือง ยอมรับห่าง ส.ส.พรรค ไม่คุ้นชินงานการเมือง ยืนยันจะทำงานจนวินาทีสุดท้าย อยู่ที่นายกฯ ให้อยู่หรือไป ระบุการเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ไม่เกี่ยวกับการปรับครม.
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงสถานะภายในพรรคพลังประชารัฐว่า ขณะนี้ตนก็ยังทำงานอยู่ คิดว่าทุกคนต้องช่วยกันทำงาน และต้องช่วยนายกรัฐมนตรี นำพาวิสัยทัศน์ประเทศมองไปข้างหน้าหลังสถานการณ์โควิด -19 ซึ่งคนอื่นอาจมองว่าเป็นวิกฤตแต่เรามองเป็นโอกาส ทำให้เราได้พิสูจน์ว่าการจัดการด้านสาธารณสุขหรือการจัดการอาหาร เรามีจุดแข็งอยู่เยอะมาก และอยากให้ทุกคนกลับมามองในแง่บวกมากว่ามองลบ
นายสุวิทย์ กล่าวถึงการโพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัววานนี้ (7มิ.ย.) ว่า เป็นการเตือนตัวเอง และไม่ได้ปลงกับปัญหา ซึ่งตอนนี้มีหน้าที่ทำงาน ทุกคนทราบดีว่าแม้ตนจะเป็นรองหัวหน้าพรรค แต่ตนไม่ค่อยคุ้นชินกับงานทางการเมือง และเมื่อได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ก็มาช่วยขับเคลื่อนเรื่องไทยแลนด์ 4.0 เมื่อถามว่าตอนนี้จะถอดใจหรือไม่ เพราะถูกโจมตี นายสุวิทย์ กล่าวว่า เราทำงานจนถึงวินาทีสุดท้าย และตอนนี้มีความคิดเห็นที่หลากหลาย ซึ่งที่จริงควรมานั่งคุยกันว่าการเมืองหลังโควิด-19 จะเป็นอย่างไร
ต่อข้อถามว่า จะพูดคุยกับนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงการลาออกหรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า เมื่อมีโอกาสก็ต้องพูดคุยกัน เพราะส่วนหนึ่งถือเป็น สปิริต เรามาด้วยกันก็ไปด้วยกัน แต่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน เมื่อก่อนเราถูกมองว่าเป็น 4 กุมาร แต่ตอนนี้เหลือ 3 คน เพราะอีก 1 คนยังช่วยงานนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี อยู่ ซึ่งตอนนั้นที่เราลาออกจากรัฐบาลเฉพาะกิจ เพราะต้องไปตั้งพรรคใหม่ ตนไปช่วยเรื่องการขับเคลื่อนนโยบาย
ต่อข้อถามว่าการตัดสินใจทางการเมืองจะโยงกับการตัดสินใจของนายสมคิด หรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า นายสมคิดไม่เกี่ยวข้อง เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในพรรค เพราะ 4 กุมารเป็นกรรมการบริหารพรรค แต่ในฐานะที่ นายสมคิด เป็นอาจารย์ของตน และสนับสนุน 4 กุมารมาโดยตลอด ดังนั้นการตัดสินใจก็ต้องแล้วแต่นายสมคิด
นายสุวิทย์ กล่าวว่า ที่มีการพูดถึงการปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เพื่อปรับ ครม. ซึ่งที่จริงแล้วการปรับ ครม.เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี และอย่าโยงว่าการเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคจะต้องปรับ ครม. ซึ่งไม่เกี่ยวกัน เพราะการตัดสินใจจะลาออกจาก ครม.ของทั้ง 3 คนหรือไม่ ต้องให้เกียรติ กับนายกรัฐมนตรีที่เลือกเรามา หากนายกฯ ให้อยู่เราก็อยู่ หากให้ไปก็ไป ก็ต้องเป็นไปตามนั้น
นายสุวิทย์ กล่าวว่า การทำงานของตนภารกิจที่ได้รับมอบหมายถือว่านายกรัฐมนตรีให้ความไว้วางใจที่ให้มาทำหน้าที่ในกระทรวงใหม่ และเมื่อทำงานในระดับหนึ่งก็ไม่อยากให้ใครมองว่าทิ้งกระทรวง ซึ่งก็ทำงานมาเกือบปี ก็ถือว่าพอแล้ว ได้สร้างฐานรากพอสมควร ก็เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีใหม่ ส่วนการที่นายกรัฐมนตรีจะให้ตนกับ 2 กุมารอยู่ต่อหรือไม ก็สุดแล้วแต่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจนายกรัฐมนตรี และวันนี้นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้ส่งสัญญาณอะไร ทั้งนี้การตัดสินใจของแต่ละคนแตกต่างกัน แต่จะตัดสินใจอย่างไรก็ต้องหารือกับนายกฯ
นายสุวิทย์ กล่าวว่า การที่ตนไม่ได้ใกล้ชิดกับพรรคถือเป็นข้อบกพร่อง และเป็นจุดอ่อนที่ถูกโจมตี ซึ่งก็พร้อมปรับปรุง และที่ผ่านมางานของกระทรวงที่รับผิดชอบอาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง หากมีการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ตนคงไม่ลงคัดเลือก ตอนนี้ขอทำงานให้เต็มที่เท่านั้น ทั้งนี้ยังไม่มีโอกาสที่จะพูดกันทั้ง 3 คนและยังไม่ได้หารือว่าจัดประชุมใหญ่พรรคเมื่อใด ซึ่งวันพรุ่งนี้ (9มิ.ย.) ในการประชุม ครม. คงได้คุยกัน เมื่อถามว่านายสมคิดได้ส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า สู้อยู่ แต่สู้เรื่องงานไม่ได้สู้เรื่องการเมือง .-สำนักข่าวไทย