ตรัง 29 พ.ค. – สัสดีจังหวัดตรัง พร้อมเร่งหาความจริงกรณีอดีตนายทหารร้องมีคนปลอมแปลงเอกสารขอกู้เงินธนาคาร 600,000 บาท ขณะที่ผู้จัดการ ธ.กรุงเทพ สาขาตรัง ยืนยันเจ้าตัวมายื่นกู้ด้วยตนเอง
กรณีที่ ร.ต.ทักษิณ สัมฤทธิ์ ข้าราชการบำนาญ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวว่า ตกเป็นหนี้เงินกู้ธนาคารกรุงเทพ สาขาตรัง จำนวนมากถึง 600,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2562 โดยทางธนาคารส่งเรื่องให้กรมบัญชีกลางหักหนี้เงินกู้จากเงินบำนาญ เดือนละ 3,950 บาท ซึ่งเจ้าตัวยืนยันมีการปลอมแปลงเอกสารหลักฐาน เพื่อยื่นกู้ดังกล่าว ทั้งที่ตนเองไม่เคยเข้าไปทำธุรกรรมใดๆ กับธนาคารกรุงเทพมาก่อน
ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาตรัง เพื่อขอสัมภาษณ์ผู้จัดการธนาคารฯ ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ทางผู้จัดการไม่สามารถให้สัมภาษณ์ได้ ต้องเป็นระดับผู้บังคับบัญชาเท่านั้น เบื้องต้นได้ตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ธนาคารที่รับทำธุรกรรมในวันนั้นแล้ว ยืนยันว่า ทางธนาคารดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง โดยธนาคารมีขั้นตอนการตรวจสอบกรณีการยื่นกู้อย่างรอบคอบและรัดกุม ต้องใช้หลักฐานตัวจริงทั้งหมดในการยื่นกู้ จะใช้สำเนาไม่ได้ รวมทั้งบัตรประชาชนก็ต้องนำตัวจริงมายืนยัน และคนกู้จะต้องมายื่นกู้ด้วยตนเอง
ทั้งนี้ ในวันที่ 2 เมษายน 2562 ร.ต.ทักษิณ ได้ยื่นเรื่องขอกู้ด้วยตนเอง โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักงานสัสดีจังหวัดตรังมาด้วย เป็นเพศหญิง และพร้อมจะให้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดกับสำนักงานใหญ่ ขณะนี้ทราบว่า ร.ต.ทักษิณ ไปแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่สัสดีจังหวัดตรัง ไม่ใช่แจ้งความดำเนินคดีกับธนาคาร ทางธนาคารจึงพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะร้องขอเอกสารใดๆ หรือจะสอบปากคำเจ้าหน้าที่คนใดก็ตาม ขอให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย
ด้าน พ.อ.ชยพล โชคจิรบวรเดช สัสดีจังหวัดตรัง กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ตนเองยังไม่ได้ย้ายมา หลังทราบเรื่องเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก็พยายามเรียกเจ้าหน้าที่ธนาคาร ร.ต.ทักษิณ และพนักงานการเงินและบัญชี สำนักงานสัสดีจังหวัดตรัง มาสอบถามข้อเท็จจริง ทั้งนี้ ร.ต.ทักษิณ กับตัวแทนธนาคาร ได้พบกับตนพร้อมกันแล้ว ซึ่งได้รับการยืนยันจาก ร.ต.ทักษิณ ว่าไม่ได้ไปยื่นเรื่องกู้เงินแต่อย่างใด ขณะที่ทางธนาคารยืนยันว่า ร.ต.ทักษิณ ไปยื่นเรื่องด้วยตนเอง แต่ได้รับคำยืนยันจาก ร.ต.ทักษิณ ว่าไม่เคยไปทำธุรกรรมใดๆ กับธนาคารกรุงเทพ และไม่ทราบด้วยซ้ำว่า สำนักงานตั้งอยู่ที่ใด ไม่เคยยื่นเรื่องขอกู้เงิน และไม่เคยได้รับเอกสารเงินกู้ใดๆ จากธนาคาร อย่างไรก็ตาม ตนเองได้เรียกเจ้าหน้าที่การเงินคนดังกล่าวมาสอบถามต่อหน้าเจ้าหน้าที่ธนาคาร โดยทั้ง 2 ฝ่าย ยืนยันในทางเดียวกันว่า ร.ต.ทักษิณ ไปยื่นเรื่องขอกู้ด้วยตนเอง โดยไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่การเงินคนดังกล่าว
จากการตรวจสอบเบื้องต้น สังเกตเห็นความผิดปกติหลายประการ เช่น 1. หนังสือคำร้องที่คนขอจะต้องมาเขียนคำร้องด้วยลายมือตนเอง ในที่นี้ของ ร.ต.ทักษิณ ไม่มีคำร้องดังกล่าวในแฟ้มเก็บเอกสาร 2. คนที่ลงไปรับหนังสือจากห้องคลังจังหวัด เจ้าหน้าที่ห้องคลังจังหวัด ยืนยันว่า ไม่ใช่ ร.ต.ทักษิณ แต่เป็นเจ้าหน้าที่การเงินคนดังกล่าว 3. หลักฐานลายมือชื่อที่ยื่นกู้กับธนาคารเป็นลักษณะการเขียน ไม่มีลายเซ็นกำกับ แต่กรณี ร.ต.ทักษิณ มาทำเอกสารเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่าเล่าเรียนบุตร ร.ต.ทักษิณ จะลงลายมือชื่อทั้งตัวเขียน และลายเซ็นกำกับทุกครั้ง 4. การส่งเอกสารสำคัญของธนาคาร ไม่ได้ส่งไปตามที่อยู่ของ ร.ต.ทักษิณ ที่ อ.นาโยง แต่ส่งไปที่บ้านของเจ้าหน้าที่การเงินคนดังกล่าวที่ อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช
พ.อ.ชยพล โชคจิรบวรเดช สัสดีจังหวัดตรัง กล่าวว่า กรณีนี้ตนเองก็ต้องหาความจริงทั้งหมดต่อไป เพราะ ร.ต.ทักษิณ ยืนยันว่าไม่เคยไปธนาคารกรุงเทพ และไม่เคยยื่นกู้เงินจำนวนดังกล่าว ทั้งนี้ ได้ขอให้ธนาคารเร่งนำหลักฐานกล้องวงจรปิดและหลักฐานการเบิกจ่ายเงินทั้งหมดมายืนยัน โดยจะเร่งหาความจริง และช่วยตำรวจทำความจริงให้ปรากฏโดยเร็วที่สุด พร้อมยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย. – สำนักข่าวไทย