ป.ป.ช.เปิดบัญชีทรัพย์สินนักการเมืองที่เข้ารับ-พ้นจากตำแหน่ง

สำนักงานป.ป.ช. 19 พ.ค.-สำนักงานป.ป.ช.เปิดบัญชีทรัพย์สิน ส.ส.ป้ายแดง “เพชรภูมิ” มีเงินฝาก 721 บาท รถ 2 คัน  “พรรณิการ์” มีทรัพย์สิน 3 ล้าน เงินเพิ่มช่วงเป็น ส.ส. 6 พันบาท  ส่วน “ปิยบุตร-สุรชัย-เจนวิทย์-จารุวรรณ” ขอขยายเวลายื่นบัญชีทรัพย์สินฯ


สำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาคการเมือง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินหนี้สินและเอกสารประกอบของผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) จำนวน 9 ราย ระหว่างวันที่ 19 พฤษภาคม – 17 มิถุนายน 2563 โดยกรณีส.ว.พ้นจากตำแหน่ง คือ นายอุดม คชินทร พ้นตำแหน่งวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 แจ้งว่ามีรายได้รวม 3,005,025 บาท ส่วนใหญ่เป็นเงินเดือนรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 483,545 บาท  เงินประจำตำแหน่ง ส.ว. 824,225 บาท เงินปันผลหุ้น 252,500 บาท รายจ่ายรวม 5,403,000 บาท เป็นค่าเล่าเรียนบุตร(ต่างประเทศ) 2,000,000 บาท ค่าเบี้ยประกัน 1,200,000 บาท เงินบริจาค 698,000 บาท ค่าท่องเที่ยว 400,000 บาท 

ตำแหน่งปัจจุบันในหน่วยงานอื่น คือ ประธานคณะกรรมการการอุดมศึกษา เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2563 และตำแหน่งศาสตารจารย์คลินิกเกียรติคุณ ที่ปรึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล  ทั้งนี้ มีทรัพย์สินรวม 59,327,577 บาท แบ่งเป็นของผู้ยื่น 16,331,207 บาท เงินฝาก 858,677 บาท เงินลงทุน 9,982,529 บาท ที่ดิน 1,190,000 บาท  โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 4,300,000 บาท 


ส่วนทรัพย์สินของคู่สมรส มูลค่า 42,996,369 บาท เป็นเงินฝาก 18,917,611 บาท ที่ดิน 11,685,250 บาท เงินลงทุน 9,935,508 บาท ไม่มีหนี้สิน 

กรณี ส.ส.เข้ารับตำแหน่ง 2 ราย ประกอบด้วย นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563  แจ้งว่ามีรายได้ประจำจากตำแหน่งส.ส. จำนวน 122,196 บาท ทรัพย์สินรวม 1,129,145 บาท โดยแจ้งทรัพย์สินเพียง 2 ส่วน คือ เงินฝาก 721 บาท ยานพาหนะ 2 รายการ  มูลค่ารวม 1,128,425 บาท หนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ 978,425 บาท เท่ากับว่านายเพชรภูมิมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 150,000 บาท   

ส่วนนายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทรักธรรม เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2563 แจ้งว่ามีรายได้ 183,560 บาท แบ่งเป็นค่าตอบแทน ส.ส.113,560 บาท รายได้จากการค้าขายจากตลาด 70,000 บาท ต่อเดือน  ส่วนค่าใช้จ่ายรวม 2,700,000 บาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว 300,000 บาท และค่าใช้จ่ายในพรรค (ฐานะหัวหน้าพรรค) 2,400,000 บาทต่อปี  ทั้งนี้ มีทรัพย์สินรวม 5,653,549 บาท แบ่งเป็นเงินสด 2,305,000 บาท เงินลงทุน 7,549 บาท เงินให้กู้ยืม 1,000,000 บาท(ทำตลาดลงหุ้นส่วน) โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 300,000 บาท ยานพาหนะ 1,200,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 841,000 บาท โดยทรัพย์สินอื่นประกอบด้วย แหวนเพชรทองคำขาว 1 รายการ 145,000 บาท  แหวนพลอยล้อมเพชร 2 รายการ 252,000 บาท พระพุทธรูป  พระเครื่องรวม 17 รายการ 100,000 บาท ส่วนหนี้สินรวม 3,602,928 บาท 


กรณีพ้นตำแหน่ง 6 ราย  ซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ที่พ้นตำแหน่งในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563  พร้อมกันทั้งหมด โดยประกอบด้วย น.ส.พรรณิการ์ วานิช แจ้งว่ามีทรัพย์สินรวม 3,326,293 บาท  แบ่งเป็นเงินฝาก 104,045 บาท เงินลงทุน 857,748 บาท ยานพาหนะ รถยนต์ 2 คัน มูลค่า 1,400,000 บาท  ทรัพย์สินอื่น 964,500 บาท หนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี และหนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ รวม 559,091 บาท   เมื่อเทียบกับเมื่อครั้งยื่นเข้ารับตำแหน่งส.ส.เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 ที่แจ้งว่ามีทรัพย์สิน 3,319,567 บาท เท่ากับว่า น.ส.พรรณิการ์มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 6,726 บาท

พล.ท.พงศกร รอดชมพู แจ้งว่ามีทรัพย์สินรวม 10,936,970 บาท แบ่งเป็น เงินฝาก 778,207 บาท เงินลงทุน 1,353,400 บาท ที่ดิน 5,000,000 บาท  โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 3,000,000 บาท ยานพหนะ 300,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 196,363 บาท ทรัพย์สินอื่น 309,000 บาท หนี้สินรวม 23,595,473 บาท โดบแบ่งเป็น เงินเบิกเกินบัญชี 40,498 บาท หนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ 22,539,924 บาท  ส่วนใหญ่หนี้สินจากการเป็นลูกหนี้ของพ.ท.หญิง ฐิติยา รังสิตพล  ส่วนหนี้สินอื่น 1,015,050 บาท  รวมมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน 12,658,503บาท 

น.ส.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ แจ้งว่ามีทรัพย์สินรวม 7,427,518 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินผู้ยื่น 4,347,585 บาท โดยเป็นเงินฝาก 3,883 บาท เงินลงทุน 517,702 บาท ที่ดิน 1,540,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 1,500,000 บาท ยานพาหนะ 210,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 100,000 บาท  และทรัพย์สินอื่น 476,000 บาท ทรัพย์สินคู่สมรส 3,079,933 บาท ส่วนหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี เงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น รวม 4,013,153 บาท 

นายนิรามาน สุไลมาน แจ้งว่ามีทรัพย์สินรวม 89,476,547 บาท แบ่งเป็นของผุ้ยื่น 8,151,237 บาท  โดยเป็นเงินฝาก 111,237 บาท ที่ดิน 1,820,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 6,000,000 บาท  ยานพาหนะ 220,000 บาท ทรัพย์สินคู่สมรส 81,307957 บาท ส่วนใหญ่เป็นที่ดินใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มูลค่ากว่า 78,616,201 บาท และทรัพย์สินบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 17,352 บาท  ส่วนหนี้สินเป็นเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 173,864 บาท 

ด้านนายชำนาญ จันทร์เรือง แจ้งว่ามีทรัพย์สินรวม 66,670,307 บาท  แบ่งเป็นของผู้ยื่น 26,784,975 บาท โดยเป็นเงินฝาก 166,975 บาท ที่ดิน 25,378,000 บาท 1,140,000 บาท ยานพาหนะ 100,000 บาท ทรัพย์สินคู่สมรส 39,885,332 บาท  ส่วนใหญ่เป็นที่ดินมูลค่ากว่า 30,176,100 บาท หนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี เงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น รวม 799,319 บาท  

น.ส.เยาวลักษณ์ วงประภารัตน์ แจ้งมีทรัพย์สินรวม 4,522,936 บาท  แบ่งเป็นเงินฝาก 15,436 บาท  ที่ดิน 2,600,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 200,000 บาท ยานพาหนะ 170,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 337,500 บาท หนี้สินจากเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น และหนี้บัตรเครดิต รวม 1,732,077 บาท 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  สำหรับกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ที่เป็น ส.ส. ที่เหลือ ประกอบด้วย นายปิยบุตร แสงกนกกุล  นายสุรชัย ศรีสารคาม  นายเจนวิทย์ ไกรสินธุ์ และน.ส.จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ ได้ยื่นขอขยายเวลาการยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. ส่วนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาให้พ้นส.ส.จากคดีถือหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย เมื่อปลายปี 2562 ตามคำพิพากษาของศาลถือว่านายธนาธรไม่มีคุณสมบัติจะดำรงตำแหน่ง ส.ส. มาตั้งแต่ต้น ดังนั้น จึงไม่ต้องยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช. เมื่อพ้นจากตำแหน่ง.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ขอโทษ อ้างป้องกันตัว

กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ยืนยันไม่ได้ตั้งใจเอามีดฟัน อ้างไม่ใช่คู่กรณี แต่เห็นคนทะเลาะกัน เลยเข้าไปห้าม แต่ “เป๊ก” ปรี่เข้าหา จึงชักมีดพกขึ้นมาป้องกันตัว อยากขอโทษ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วง 01.30 น. พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุมีคนถูกมีดฟันบาดเจ็บในปั๊มน้ำมันซอยรามคำแหง 76 เขตบางกะปิ เมื่อเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับสายตรวจและอาสากู้ภัย พบคนเจ็บคือ เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง ถูกมีดฟันใต้คางเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ต้องเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนพาตัวส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือ นายชุติเทพ อายุ 21 ปี ไม่ได้หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ พร้อมอาวุธมีดยาว 20 เซนติเมตร ที่ใช้ฟันเป๊ก ผลิตโชค ตำรวจจึงคุมตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก เบื้องต้นนายชุติเทพ ให้การอ้างขับรถไปรับแฟนออกจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้าน แต่ขณะแวะปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ เห็นมีคนกำลังทะเลาะกัน คล้ายมีอาการมึนเมา อยู่ท้ายรถกระบะ ตนเองจึงเข้าไปช่วยเคลียร์ […]

ทบ.แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา

กองทัพบก 3 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา กองทัพบก ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดีย หลังมีการอ้างว่า “สมเด็จฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แชร์โพสต์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า กองทัพบกไทยสั่งอพยพชาวจังหวัดสุรินทร์ภายในคืนนี้ เพื่อเตรียมเปิดฉากโจมตีกัมพูชา ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ปัจจุบันในพื้นที่ไม่ได้มีการสั่งอพยพด่วนชาวสุรินทร์อย่างที่ระบุไว้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การนำเสนอข้อมูลของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวทางการ และไม่หลงเชื่อหรือแชร์ข้อมูลเท็จที่อาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคม ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่มีแนวโน้มละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบ่อยครั้ง รวมถึงพบว่ามีการเพิ่มเติมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่. – สำนักข่าวไทย

พระราชทานเพลิงศพ 7 ผู้วายชนม์ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

3 ส.ค. – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ ครอบครัวและญาติทำพิธีฌาปนกิจผู้เสียชีวิต 7 ราย จากเหตุกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี เชิญกล่องเพลิงพระราชทาน ผ้าไตรพระราชทาน และช่อดอกไม้จันทน์พระราชทาน มายังศาลาพุทธคุณ วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นมีการอ่านหมายรับสั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย ได้แก่ นางสาวรุ่งรัศ, เด็กหญิงทักษพร, เด็กชายพงศภัค, เด็กชายกิตติศักดิ์, นางสาวสาวิตรี, นางอรุณรัตน์ และนายสมศรี โดยมี 5 ราย เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนอีก […]

คนร้ายยิง M16 ถล่มกำนัน ต.นาวง ดับคากระบะ

ตรัง 3 ส.ค. – ตำรวจ สภ.ห้วยยอด พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตรวจสอบรถกระบะกำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังถูกคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่ม เสียชีวิตหน้าบ้านพัก เบื้องต้นตำรวจตั้งปมขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก คืบหน้าเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่มรถกระบะนายบัณฑิต กำนันตำบลนาวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิตหน้าบ้านพักเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ล่าสุด ตำรวจ สภ.ห้วยยอด ประสานพิสูจน์หลักฐาน พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดศรีตรัง เข้าตรวจสอบรถกระบะของผู้เสียชีวิต พบถูกกระสุนปืน M16 ยิงใส่รถรวม 15 นัด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งประเด็นขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก เนื่องจากสภาพศพกระสุนปืนเข้าที่อวัยวะสำคัญ ทั้งศีรษะและลำตัวฝั่งขวาหลายนัด แต่ยังไม่ตัดประเด็นอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องทิ้ง ทั้ง รื่องพิพาทผลประโยชน์สวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่วังวิเศษ หรือความเชื่อมโยงกับคดีลอบสังหาร “ทนายเหว่า” ซึ่งอยู่ระหว่างสืบสวนเชิงลึก และอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับ ผู้เกี่ยวข้องต่อไป.-สำนักข่าวไทย