กบน. เพิ่มวงเงินดูแลแอลพีจีเป็นหมื่นล้านบาท

กรุงเทพฯ 18 พ.ค. – กบน. ยืดเวลา ลดเงินกองทุนน้ำมันในส่วนของบัญชีน้ำมันต่อ หลังจากจบครบ 2 เดือน และโปะเงินดูแลแอลพีจีเป็น 1 หมื่นล้านบาท หวังดูแลภาคประชาชนหลังกระทบหนักจากโควิด-19


นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) วันนี้ (18 พ.ค.) ว่า ที่ประชุมพิจารณาทิศทางราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้มพบว่า อยู่ในทิศทางปรับขึ้นหลังจากทั่วโลกคลายล็อกดาวน์ จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19  ดังนั้น เพื่อดูแลภาคประชาชนที่ได้รับผลเดือดร้อนจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ดังนั้น กบน. จึงต่ออายุมาตรการลดเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของน้ำมันต่อไปไม่มีกำหนดสิ้นสุด หลังจะครบอายุ 2 เดือน ในวันที่ 23 พ.ค.นี้ ตามมติ กบน. เมื่อวันที่ 23 มี.ค. และในส่วนของเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงดูแลราคาแอลพีจีนั้นขยายวงเงินจากติดลบ 7 พันล้านบาทเป็นติดลบ 1 หมื่นล้านบาท ส่วนจะต่ออายุการลดราคาแอลพีจี 3 บาท/กก.หลังจากครบกำหนดลดราคาเป็นเวลา 3 เดือน ในวันที่ 23 มิ.ย.หรือไม่นั้น เป็นอำนาจของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่จะพิจารณาต่อไป     

ทั้งนี้ กบน. เมื่อวันที่ 23 มี.ค.63 ได้เห็นชอบลดภาระของภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ที่ประชุมจึงเห็นชอบให้ลดการจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลง 50 สตางค์ต่อลิตรทุกประเภท ยกเว้นอี 85 จัดเก็บเพิ่ม 25 สตางค์/ลิตร และบี 20 ลดเพียง 25 สตางค์/ลิตร โดยจะมีผลวันที่ 24 มีนาคมเป็นต้นไปเป็นเวลา 2 เดือน  และเห็นชอบให้ปรับลดเงินกองทุนน้ำมันฯ ในบัญชีก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจี ส่งผลให้ราคาแอลพีจี ตั้งแต่ 24 มี.ค. ปรับลดลง 3 บาท/กก. เป็นระยะเวลา 3 เดือน ทำให้ถังขนาดยอดนิยม 15 กก. ลดลง 45 บาท/ถัง หรือลดจากถังละ 363 บาท เหลือ 318 บาท


“กบน.ต้องการลดภาระประชาชน จึงคงมาตรการลดเงินกองทุนน้ำมันฯในส่วนของน้ำมันต่อไปไม่มีกำหนด ส่วนการดูแลราคาก๊าซฯก็คาดว่าวงเงินนั้นเฉียดฉิว 7 พันล้านบาท เพราะล่าสุด ดูแลแล้ว 6,182 ล้านบาท จึงขยายวงเงินเพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะดูแลไปถึงเมื่อใดก็จะขอดูสถานการณ์ผลกระทบของประชาชนทุกระยะ”รมว.พลังงาน กล่าว

ส่วนกรณีผู้ค้าน้ำมันขยับราคามันขึ้นในเดือนนี้ รวม 6 ครั้ง โดยปรับกลุ่มเบนซินขยับขึ้น 2.80 บาท/ลิตร และ กลุ่มดีเซล 1.90 บาท/ลิตร นั้น นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ก.พลังงานติดตาม โดยราคา ก็เป็นไปตามทิศทางตลาดโลก แต่หากเปรียบเทียบเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา พบว่า ราคาลดลง 5 – 6 บาท/ลิตร โดยราคาน้ำมันดิบได้ขยับมาระดับกว่า 30 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งหากราคาไปถึงระดับ 40-50 ดอลลาร์/บาร์เรล ทางกระทรวงฯก็อาจจะพิจารณาว่าจะปรับเปลี่ยนเงินกองทุนอย่างไรให้เหมาะสม 

ทั้งนี้ ฐานเงินกองทุนน้ำมันฯวันที่ 17 พ.ค. ฐานะกองทุนสุทธิ์ 35,176 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น เงินบัญชีน้ำมัน 41,358 ล้านบาท บัญชีแอลพีจี ติดลบ 6,182  ล้านบาท โดย คาดว่า เดือน พ.ค.เงินไหลออก บัญชีน้ำมันจะอยู่ที่ 37 ล้านบาท และ บัญชีแอลพีจีไหลออก 355 ล้านบาท . – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สั่งย้ายครูแบทแมน

สั่งเด้ง “ครูแบทแมน” ถ่ายคลิปไม่เหมาะสมในโรงเรียน

กัน จอมพลัง บุก ก.ศึกษาธิการ ร้องเอาผิดครูชายสวมหน้ากากแบทแมน ถ่ายคลิปไม่เหมาะสมในโรงเรียน จ.อุทัยธานี ล่าสุดสั่งย้าย “ผอ.โรงเรียน-ครูแบทแมน” เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ด้าน “สส.ชาดา-กัน จอมพลัง” ลงพื้นที่ ขีดเส้นตายสอบเอาผิด

แม่อดีตครูสาว ยังติดใจสาเหตุ หลังพบศพในรถลานจอด รพ.

“น้องกิ๊ฟ” อดีตครูหายตัวไปเกือบ 1 เดือน พบอีกทีเป็นร่างไร้วิญญาณในรถยนต์บนลานจอดของโรงพยาบาล ญาติยังติดใจสาเหตุวอนตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด ไขข้อสงสัย

สั่งจำคุก “อัจฉริยะ” 2 เดือน ไม่รอลงอาญา คดีละเมิดอำนาจศาล

ศาลอาญาสั่งจำคุก “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” 2 เดือน ไม่รอลงอาญา ฐานละเมิดอำนาจศาล เผยแพร่เอกสารสรุปย่อคำพิพากษาต่อสื่อมวลชนโดยไม่ได้รับอนุญาต

ข่าวแนะนำ

“กริพเพน” ครั้งแรกในไทย เครื่องบินวิ่งบนถนน

วันนี้กองทัพอากาศได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ด้วยการใช้ถนนเป็นรันเวย์สำหรับเครื่องบินรบ

รัฐบาลแจงส่ง 45 อุยกูร์ให้จีน กลับคืนสู่ครอบครัวปลอดภัย

รัฐบาลแจงเหตุส่งชาวอุยกูร์ 45 คนให้จีน ยืนยันกลับคืนสู่ครอบครัวด้วยความปลอดภัย แสดงให้เห็นว่าจีนเคารพเรื่องสิทธิมนุษยชน

เปิดใจผู้รอดชีวิตจากรถบัสมรณะ 18 ศพ

โศกนาฏกรรมรถบัสมรณะ 18 ศพ สร้างความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ให้กับชาว อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ วันนี้ทีมข่าวสำนักข่าวได้สัมภาษณ์เปิดใจผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ราวกับปาฏิหาริย์

“อนุทิน” สั่งยกระดับเข้มงวดเข้าออกจุดผ่านแดนไทย

“อนุทิน” สั่งยกระดับความเข้มงวดในการเข้าออกจุดผ่านแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ป้องกัน ปราบปราม ยาเสพติด อาชญากรรมทุกประเภท ภายใต้ปฏิบัติการ “Seal Stop Safe” ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี