ฝ่ายค้านเตรียมเกาะติดรัฐแก้โควิด-กู้เงินหลังเปิดสภา

กรุงเทพฯ 14 พ.ค.-เพื่อไทยจัดเสวนาถอดบทเรียนแก้โควิด แนะรัฐปลดล็อก เตรียมมาตรการรองรับฟื้นเศรษฐกิจ เตรียมจัดหนักหลังเปิดสภา พร้อมตรวจสอบการใช้เงินกู้ ไม่ยอมตีเช็คเปล่าให้รัฐใช้ฟรี


พรรคเพื่อไทยจัดเสวนาผ่านทางระบบออนไลน์หัวข้อ “ถอดบทเรียนการแก้ปัญหาโควิด-19 ของรัฐบาล : เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร” เพื่อถอดรหัสการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวชื่นชมบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนที่ร่วมมือทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อต่ำลงและควบคุมโรคได้

“พรรคได้รับการร้องเรียนว่าการเยียวยาไม่ทั่วถึง ไม่ทัดเทียม การขึ้นทะเบียนใหม่ยากลำบาก การฟื้นธุรกิจ การปิดประเทศ ล็อกดาวน์นาน ทำให้ภาคธุรกิจแย่ลง โดยจะระดมความเห็นว่าจะทำอย่างไรให้รอดหลังโควิด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย และจะรวบรวมความเห็นจากการเสวนาครั้งนี้ให้ส.ส.ของพรรคนำไปสะท้อนผ่านเวทีสภาผู้แทนราษฎร” คุณหญิงสุดารรัตน์  กล่าว


 คุณหญิงสุดารรัตน์  กล่าวถึงจุดยืนพรรคเพื่อไทยเรื่องการออกพ.ร.ก.กู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาทว่า ต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส ไร้ทุจริต เพราะเป็นเงินกู้ที่ประชาชนต้องเป็นผู้ใช้หนี้ ดังนั้น พรรคเพื่อไทยและส.ส.ฝ่ายค้านจะไม่ยอมตีเช็คเปล่าให้ใช้ฟรี โดยจะติดตามตรวจสอบดูแลไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง พร้อมขอให้ประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบด้วย 

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลมีความล่าช้าในการจ่ายเงินเยียวยา ทำให้ประชาชนเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจ สิ้นหวังและฆ่าตัวตาย ขอเรียกร้องรัฐบาลสร้างสมดุลด้านระบาดวิทยาและเศรษฐกิจ คืนความสุขให้ประชาชน สร้างมาตรฐานในการป้องกันตนเอง เสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบสาธารณสุขและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสิ่งท้าทาย เพราะมีคนตกงานกว่า 10 ล้านคนแล้ว 

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ประธานสถาบันปรีดี พนมยงค์  กล่าวว่า ห่วงปัญหาการว่างงานจากการล็อกดาวน์ พร้อมสนับสนุนรัฐแจกเงินเยียวยาให้ทั่วถึงทุกคน ที่ไม่ใช่ข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับสภาผู้แทนราษฎรควรรับฟังความเห็นจากส.ส. โดยเฉพาะฝ่ายค้านที่เป็นตัวแทนจากประชาชน ต้องคิดว่าทุกคนเป็นเพื่อนร่วมชาติที่ต้องร่วมกันแก้ปัญหา  สิ่งที่ต้องระวังคือโรคคอรัปชั่น ซึ่งจะโทษฝ่ายรัฐบาลฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องโทษฝ่ายค้ายด้วย เพราะต้องมีส่วนร่วมดูแล


ด้านนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย   กล่าวว่า โรคโควิดจะไม่หายไปจากประเทศไทย เพราะจะยังมีการติดเชื้ออยู่ แต่เชื่อว่าจะไม่มีระบาดรอบสอง ไม่มีผลกระทบในวงกว้าง เนื่องจากมาตรการทางการแพทย์เหมาะสม ขณะที่คนไทยรักตัวกลัวตาย ให้ความร่วมมือดี อุปกรณ์ทางการแพทย์ สาธารณสุขของเราดี การคิดหาวัคซีน เรามีความพร้อมดี 

“ผมมั่นใจว่าเราจะควบคุมโรคได้ ทางการแพทย์ทำเต็มที่ ไม่กลัวระบาดรอบสอง แต่เกรงมาตรการรัฐที่รุนแรงเกินไปจะทำให้ประชาชนเป็นอันตราย รัฐบอกประชาชนการ์ดอย่าตก แต่ประชาชนยกการ์ดไม่ไหวแล้ว” นพ.ชลน่าน กล่าว

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หลังจากเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร จะต้องพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงินและพ.ร.บ.โอนงบประมาณ ซึ่งเชื่อว่าจะผ่านความเห็นชอบจากเสียงส่วนใหญ่ แต่ฝ่ายค้านจะต้องตรวจสอบการใช้งบประมาณอย่างเต็มที่ และจะต้องหยิบยกปัญหาโควิด-19 หารือต่อที่ประชุม

นายวัฒนา เมืองสุข กรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลดำเนินมาตรการไม่สมเหตุสมผล ฉวยโอกาสทางการเมือง ทางเศรษฐกิจ โยนบาปทั้งหมดให้โควิด-19 ซึ่งน่าเป็นห่วงเรื่องเศรษฐกิจที่เข้าขั้นเลวร้ายที่สุดเท่าที่มีประเทศไทยมา จึงเรียกร้องรัฐบาลปลดล็อก คืนชีวิตปกติให้ประชาชน ปลดล็อกทางเศรษฐกิจ และให้ความรู้ว่าโควิดไม่ใช่โรคที่เป็นแล้วตาย แต่สิ่งที่รัฐควบคุมเพื่อให้ไม่มีผู้ป่วยเกินกว่าที่ระบบสาธารณสุขจะรับได้ ขอเสนอให้ช่วงฟื้นฟูโควิดหลัง 6 เดือนจากนี้ต้องเตรียมการรองรับเศรษกิจ จะต้องเสริมสร้างสมรรถณะของบุคลากรด้านต่าง ๆให้มีมาตรฐานในการให้บริการให้ทั่วโลกยอมรับ 

“ฝึกอบรมกับสถาบันการศึกษาระดับโลก และจับมือกับประเทศที่กำหนดมาตรฐานด้านการคัดกรองคนเข้าประเทศ เพื่อคัดคนที่จะไป-มาระหว่าง 2 ประเทศ  ต้องเยียวยาถ้วนหน้า ทั่วถึง ผมเสนอให้ใช้เงิน 1.2 ล้านล้านบาท เยียวยาประชาชน 20 ล้านครัวเรือน ครัวเรือนละ 10,000 บาท เป็นเวลา 6 เดือน ยกเว้นข้าราชการพนักงงานรัฐวิสาหกิจ ที่ไม่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้คนไทยมีเงินพร้อม ๆ กัน สร้างกำลังซื้อออกไปใช้เงิน และมีพลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ เปิดให้ธุรกิจรายเล็กดำเนินการ ไม่ใช่ให้เงินไหลไปกลุ่มธุรกิจรายใหญ่ ผมเชื่อว่าการท่องเที่ยวจะกลับมาเร็วที่สุดหากเทียบกับระบบเศรษฐกิจอื่น ๆ จึงต้องเตรียมประเทศคู่ขนานไปกับการฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด ถ้าเราเตรียวมความพร้อมดีรองรับการท่องเที่ยว ช่วงฤดูหนาวจะมีคนมาประเทศไทยเป็นจำนวนมาก เพราะหนีโควิดมา” นายวัฒนา กล่าว

นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า คนไทยมีภูมิคุ้มกันแข็งแกร่งอยู่แล้ว แม้จะยังไม่มีวัคซีนรักษาโควิด-19 เชื่อว่าระบบประกันสังคมวางไว้ดี แต่มีปัญหาเพราะการบริหารเงินกองทุนผิดพลาด เพราะมีการหมุนเงินจึงทำให้เงินช็อต พร้อมเห็นว่าการจ่ายเงินเยียวยาเกษตรกรเป็นกลุ่มที่จ่ายเงินได้ง่ายที่สุด เพราะมีการลงทะเบียนหลายรายการมาก่อนหน้านี้ เพียงแต่ไปตรวจสอบข้อมูลเล็กน้อย 

“มีครูมาปรับทุกข์ว่าการศึกษาไทยตกต่ำมาก หากไม่จำเป็นก็ไม่ควรใช้ระบบออนไลน์เป็นการเรียนหลักแต่ควรเป็นระบบเสริมเท่านั้น หลังเปิดสภา พรรคเพื่อไทยจะใช้เวทีซักถามแทนประชาชน ซึ่งจะหารือเรื่องปัญาโควิด-19 และตั้งกระทู้ถามในประเด็นที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งหลายคนสงสัยว่าการออกกฎหมายกู้เงิน รัฐบาลจะกู้ที่ไหน ดอกเบี้ยเท่าใด และหากโรคระบาดรอบ 2 จะเอาเงินนจากไหนมาดูแลประชาชน จะฟื้นเศรษฐกิจอย่างไร” นายสุทิน กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]