พปชร.ขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาข่มขืน

กรุงเทพฯ 11 พ.ค.-ส.ส.พัชรินทร์-กานต์กนิษฐ์ พลังประชารัฐ แท็กทีมผู้เชี่ยวชาญสายอาชญาวิทยา ขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาการถูกล่วงละเมิด ผ่าน กมธ.แก้ไขปัญหาข่มขืนฯ จี้ ต้องใช้ยาแรงแก้ปัญหา


นางสาวพัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะเลขานุการกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงเหตุการณ์ 5 ครูและ 2 ศิษย์เก่าโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดมุกดาหารข่มขืนเด็กนักเรียนวัย 14 ปีว่า กรรมาธิการฯ พร้อมผลักดันแนวทางต่างๆ โดยขับเคลื่อนผ่านกรรมาธิการฯ เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ส่วนตัวเป็นผู้เสนอญัตติในการตั้งกรรมาธิการพิจารณาเรื่องปัญหาข่มขืนเห็นว่า ที่ผ่านมาเห็นเหตุการณ์ที่น่าสะเทือนขวัญเหล่านี้มาอยู่ตลอดและหลากหลายรูปแบบ ขออย่ารอให้มีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายให้กับผู้ถูกกระทำที่ไม่อาจเรียกกลับคืนมาได้ และก่อให้เกิดเป็นตราบาปอย่างถาวรแก่เหยื่อผู้ถูกกระทำ ตนเล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหานี้ และพร้อมผลักดันอย่างเต็มที่ในการหาแนวทางให้สังคมมีความปลอดภัย ผู้ถูกกระทำสามารถที่จะเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเป็นธรรม มีระบบรองรับที่ดี รวมถึงการเยียวยาทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ มีกระบวนการบำบัดฟื้นฟู แก้ไขติดตามนักโทษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ให้กลับมากระทำความผิดซ้ำอีก หรือสร้างความหวาดผวาให้กับสังคมเรา โดยที่ผ่านมามีความพยายามที่จะศึกษาระบบแนวทางของต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นระบบของการดูแลผู้ถูกกระทำ และการบำบัดฟื้นฟูผู้ต้องขัง รวมถึงติดตามผู้กระทำผิดเมื่อพ้นโทษ แต่ทั้งนี้ก็ต้องศึกษาถึงความเหมาะสมของบริบทสังคมไทยด้วย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ต้องศึกษาให้รอบด้าน

“สิ่งที่เราให้ความสำคัญมากคือ การศึกษาของกรรมาธิการนี้ต้องสามารถนำไปปรับใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นตัวกฎหมายควรมีความสอดคล้องเมื่อนำไปปฏิบัติแนวทางต่าง ๆ มีความเหมาะสมกับบริบทของสังคมไทยด้วย หวังว่ากรรมาธิการจะเป็นอีกหนึ่งตัวขับเคลื่อน เพื่อที่จะสามารถช่วยลดปัญหาอาชญากรรมประเภทนี้” นางสาวพัชรินทร์ กล่าว


นางสาวกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญในการหาแนวทางให้ประชาชนรู้จักวิธีป้องกันตัวเอง และหากเกิดเหตุการณ์ถูกล่วงละเมิด ไม่ว่าจะหนักหรือเบา ต้องกล้าที่จะนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อไม่ให้บุคคลเหล่านี้ไปกระทำผิดซ้ำอีก ดังนั้นต้องศึกษาพิจารณาในด้านของกระบวนการยุติธรรมด้วยว่ามีความพร้อมเพียงพอหรือไม่ ที่จะรองรับเหยื่อและพยาน เมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมด้วยเช่นกัน

ด้าน รศ.ดร.สุณีย์ กัลยะจิตร นักวิชาการด้านอาชญาวิทยา หนึ่งในกรรมาธิการฯ กล่าวสนับสนุนให้นำรูปแบบการติดตามตัวของผู้กระทำผิดของต่างประเทศมาปรับใช้กับนักโทษคดีข่มขืน อีกทั้งเห็นควรว่า ต้องใช้ยาแรงในการจัดการกับผู้กระทำผิดในเคสเช่นนี้ ซึ่งผู้กระทำผิดคดีทางเพศนับวันยิ่งเพิ่มมากขึ้น สังคมไทยต้องแก้ไขเรื่องนี้อย่างจริงจัง เร่งด่วน การใช้ยาแรงในการแก้ไขที่จะปรับเปลี่ยนได้จริงจัง ยิ่งผู้กระทำผิดคือพ่อพิมพ์ของชาติ ยิ่งต้องได้รับผลที่รวดเร็ว รุนแรง และแน่นอน สำหรับนักโทษคดีข่มขืนของแต่ละประเทศมีแนวทางการป้องกันและแก้ไขที่แตกต่างกัน หลายๆ ประเทศที่มีสถิติการข่มขืนสูงต้องกลับมาพิจารณาแนวทางลงโทษว่า เป็นการลงโทษแบบบำบัดแก้ไขหรือลงโทษแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน เน้นวิธีการที่มีกฎหมายรองรับที่ชัดเจนเพื่อป้องกันกันการก่อเหตุซ้ำ ทำให้แนวทางการจัดการคดีล่วงละเมิดทางเพศและข่มขืนทั่วโลก มีแนวทางที่แตกต่างกันออกไป พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ถึงเวลาของประเทศไทยหรือไม่ที่จะต้องการเครื่องมือใหม่ๆ ที่สามารถนำมาแก้ไขปรับปรุงผู้กระทำผิดคดีทางเพศกับประเทศไทยได้ การใช้ยาแรงในการแก้ไข เช่น ประเทศเกาหลีใต้ ที่ฉีดยาทำให้อวัยวะเพศฝ่อ ไม่ตื่นตัว หรือการใช้กฎหมายที่ลงโทษสูงสุดไม่มีการลดโทษใดๆ ประหารชีวิตเท่านั้น เช่นเดียวกับ ประเทศอินเดีย ประเทศอัฟกานิสถาน ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศเกาหลีเหนือ ประเทศจีน และการป้องกันการกระทำผิดคดีทางเพศซ้ำโดยใช้ระบบการลงทะเบียนผู้กระทำผิดคดีทางเพศมาใช้ อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ต้องย้อนกลับมาพิจารณาสังคมไทยว่าเราจะพิทักษ์รักษาสิทธิของใครเป็นสำคัญ

ส่วน พ.ต.ท.ผศ.ดร.ศิพร โกวิท อาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ และกรรมาธิการฯ ระบุว่า เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า กฎหมายกำหนดโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต และยังระวางโทษหนักขึ้นได้อีก หากกรณีเป็นการกระทำแก่บุคคลซึ่งอยู่ในความดูแล เช่น บุตร ลูกศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล กฎหมายไม่ได้อ่อนไป โทษตามกฎหมายนั้นเป็นโทษขั้นสูงที่สุดแล้ว แต่คดีความผิดเกี่ยวกับเพศ การข่มขืนกระทำชำเรา พ่อข่มขืนลูก ครูข่มขืนลูกศิษย์ ยังคงเกิดขึ้นอยู่ไม่ลดน้อยหายไปจากสังคมไทย จึงเป็นข้อสังเกตว่า ไม่ใช่เพราะกฎหมายอ่อนไป หรือโทษไม่น่าเกรงกลัว แต่เป็นเพราะผู้กระทำความผิดขาดความยับยั้งเกรงกลัว แม้รู้ว่าสิ่งที่กระทำเป็นความผิด แต่ขณะลงมือกระทำความผิดผู้กระทำเองก็ไม่คิดว่าจะถูกจับกุมดำเนินคดี การแก้ไขกฎหมายเพียงอย่างเดียวจึงไม่ใช่ทางแก้ปัญหา หากแต่ต้องเป็นการแก้ไขทั้งกระบวนการ ตั้งแต่กฎหมาย การดำเนินคดี การลงโทษที่เหมาะสม การเยียวยาฟื้นฟู ตลอดไปจนถึงการป้องกันสังคม ป้องกันมิให้เกิดช่องโอกาสในการกระทำความผิด.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง-ตกหนักบางแห่ง

กทม. 3 มิ.ย.- กรมอุตุฯ เตือนมรสุมพัดปกคลุมประเทศไทย ส่งผลให้ยังมีฝนฟ้าคะนองและตกหนักบางแห่ง ทะเลอันดามันคลื่นสูง 2 เมตร กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน

2 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ปัดขัดแย้งกองทัพ ปมปิดด่าน ลั่นมีเอกภาพ แจงรัฐบาลเชื่อมั่นท่าที 2 ประเทศลดความรุนแรงได้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อความชี้แจงทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าเรียน สื่อมวลชน ทุกท่าน ตามที่มีข่าวกระจายกันในแวดวงสื่อสังคมออนไลน์ เรื่องความขัดแย้งระหว่างฝ่ายการเมืองกับฝ่ายทหาร ในการจัดการปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดต่อปัญหาการจัดการระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการปิดด่านชายแดน ผมขอยืนยันว่า ผมกับกองทัพได้หารือร่วมกันหลายครั้ง และเห็นตรงกันว่าสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลทั้งสองประเทศต่างพยายามหาทางออกในการคลี่คลายวิกฤติ โดยยึดผลประโยชน์ประชาชนและอธิปไตยของชาติเป็นสำคัญ เราจึงกำหนดขอบเขตในการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า และพยายามลดเงื่อนไขที่จะระงับยับยั้งมิให้เหตุการณ์ความขัดแย้งขยายตัวมากไปกว่านี้ สำหรับเรื่องการปิดชายแดนขณะนี้ รัฐบาลเห็นว่าท่าทีและการแสดงออกของทั้งสองประเทศ ยังเป็นการแสดงออกที่สามารถลดระดับความรุนแรงได้ เพราะการปิดด่านชายแดนแม้ไม่ใช่เรื่องการสู้รบทางตรง แต่กลับจะเกิดปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ ที่จะกระทบกับวิถีชีวิตประชาชน ทำให้สถานการณ์ยากต่อการคลี่คลาย แต่ขณะเดียวกัน กองทัพก็ตั้งอยู่ในความระมัดระวังและไม่ได้ละเลยในการปกป้องตนเองและอธิปไตยเหนือดินแดน ขณะนี้รัฐบาล ร่วมกับกำลังเหล่าทัพและกระทรวงต่างประเทศ กำลังใช้กลไก JBC เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาตามขั้นตอนอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดเวทีถกเถียงตามข้อเท็จจริงตามกฎหมาย ผมจึงขอเรียนชี้แจงยืนยันว่า รัฐบาลและกองทัพมีความเป็นเอกภาพ และมีพันธะสัญญาที่มั่นคงในการรักษาความสงบสุขให้ประชาชนได้รับประโยชน์ และความปลอดภัยมากที่สุด ขอให้มั่นใจว่าเราจะหลีกเลี่ยงการยกระดับความขัดแย้งที่จะนำไปสู่ความสูญเสียทั้งสองฝ่ายในทุกด้าน ที่ผ่านมา เราร่วมกันใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ทั้งการประชุม หารือ […]

แผ่นดินไหวเชียงใหม่ ขนาด 4.5 รอยเลื่อนแม่ทาขยับ

เชียงใหม่ 2 มิ.ย.- ระทึก! แผ่นดินไหว ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ลึก 1 กม. ประชาชนแจ้งรู้สึกสั่นไหว 4 จังหวัด สาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง แผ่นดินไหวที่ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ฉบับที่ 1/2568 กอง​เฝ้า​ระวัง​แผ่นดินไหว​ กรม​อุตุนิยม​วิทยา​รายงาน​ว่า​ เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2568 เวลา 14.07 น. เกิดแผ่นดินไหว จุดศูนย์กลางอยู่บริเวณ ต.แม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ขนาด 4.5 ความลึก 1 กิโลเมตร ได้รับแจ้งรู้สึกสั่นไหวบริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ พะเยา ลำปาง และแม่ฮ่องสอน โดยสาเหตุเกิดจากกลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สั่งการอำเภอพร้าว และอำเภอใกล้เคียง ลงพื้นที่ตรวจสอบผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือน เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตและความเสียหาย […]

ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง

2 มิ.ย.- ศาลออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหา ปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง ย่านท่าเรือคลองเตย ส่วนคนขับรถชน รปภ. เสียชีวิต โดนฆ่าคนตาย เพิ่มอีก 1 ข้อหา 13.00 น. ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา การดำเนินคดี 6 ทรชนผู้ก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้าของกลางของกรมศุลกากรและก่อเหตุถอยรถตู้พุ่งชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสียชีวิต โดย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้ข้อมูลว่า ศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติออกหมายจับ 6 ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับทั้ง 6 คนถูกดำเนินคดีในข้อหา 4 ข้อหา ในแก่ ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย และกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และซ่องโจร ขณะที่นายสิทธิศักดิ์ หรือแบงค์ ถูกดำเนินคดีเพิ่มอีกหนึ่งข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดของตนหรือหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนกระทำไว้ ทั้งนี้ หลังศาลอนุมัติออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว […]