fbpx

พปชร.ขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาข่มขืน

กรุงเทพฯ 11 พ.ค.-ส.ส.พัชรินทร์-กานต์กนิษฐ์ พลังประชารัฐ แท็กทีมผู้เชี่ยวชาญสายอาชญาวิทยา ขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาการถูกล่วงละเมิด ผ่าน กมธ.แก้ไขปัญหาข่มขืนฯ จี้ ต้องใช้ยาแรงแก้ปัญหา


นางสาวพัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะเลขานุการกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทำชำเราและการล่วงละเมิดทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงเหตุการณ์ 5 ครูและ 2 ศิษย์เก่าโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดมุกดาหารข่มขืนเด็กนักเรียนวัย 14 ปีว่า กรรมาธิการฯ พร้อมผลักดันแนวทางต่างๆ โดยขับเคลื่อนผ่านกรรมาธิการฯ เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ส่วนตัวเป็นผู้เสนอญัตติในการตั้งกรรมาธิการพิจารณาเรื่องปัญหาข่มขืนเห็นว่า ที่ผ่านมาเห็นเหตุการณ์ที่น่าสะเทือนขวัญเหล่านี้มาอยู่ตลอดและหลากหลายรูปแบบ ขออย่ารอให้มีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายให้กับผู้ถูกกระทำที่ไม่อาจเรียกกลับคืนมาได้ และก่อให้เกิดเป็นตราบาปอย่างถาวรแก่เหยื่อผู้ถูกกระทำ ตนเล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหานี้ และพร้อมผลักดันอย่างเต็มที่ในการหาแนวทางให้สังคมมีความปลอดภัย ผู้ถูกกระทำสามารถที่จะเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเป็นธรรม มีระบบรองรับที่ดี รวมถึงการเยียวยาทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ มีกระบวนการบำบัดฟื้นฟู แก้ไขติดตามนักโทษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ให้กลับมากระทำความผิดซ้ำอีก หรือสร้างความหวาดผวาให้กับสังคมเรา โดยที่ผ่านมามีความพยายามที่จะศึกษาระบบแนวทางของต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นระบบของการดูแลผู้ถูกกระทำ และการบำบัดฟื้นฟูผู้ต้องขัง รวมถึงติดตามผู้กระทำผิดเมื่อพ้นโทษ แต่ทั้งนี้ก็ต้องศึกษาถึงความเหมาะสมของบริบทสังคมไทยด้วย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ต้องศึกษาให้รอบด้าน

“สิ่งที่เราให้ความสำคัญมากคือ การศึกษาของกรรมาธิการนี้ต้องสามารถนำไปปรับใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็นตัวกฎหมายควรมีความสอดคล้องเมื่อนำไปปฏิบัติแนวทางต่าง ๆ มีความเหมาะสมกับบริบทของสังคมไทยด้วย หวังว่ากรรมาธิการจะเป็นอีกหนึ่งตัวขับเคลื่อน เพื่อที่จะสามารถช่วยลดปัญหาอาชญากรรมประเภทนี้” นางสาวพัชรินทร์ กล่าว


นางสาวกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญในการหาแนวทางให้ประชาชนรู้จักวิธีป้องกันตัวเอง และหากเกิดเหตุการณ์ถูกล่วงละเมิด ไม่ว่าจะหนักหรือเบา ต้องกล้าที่จะนำผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อไม่ให้บุคคลเหล่านี้ไปกระทำผิดซ้ำอีก ดังนั้นต้องศึกษาพิจารณาในด้านของกระบวนการยุติธรรมด้วยว่ามีความพร้อมเพียงพอหรือไม่ ที่จะรองรับเหยื่อและพยาน เมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมด้วยเช่นกัน

ด้าน รศ.ดร.สุณีย์ กัลยะจิตร นักวิชาการด้านอาชญาวิทยา หนึ่งในกรรมาธิการฯ กล่าวสนับสนุนให้นำรูปแบบการติดตามตัวของผู้กระทำผิดของต่างประเทศมาปรับใช้กับนักโทษคดีข่มขืน อีกทั้งเห็นควรว่า ต้องใช้ยาแรงในการจัดการกับผู้กระทำผิดในเคสเช่นนี้ ซึ่งผู้กระทำผิดคดีทางเพศนับวันยิ่งเพิ่มมากขึ้น สังคมไทยต้องแก้ไขเรื่องนี้อย่างจริงจัง เร่งด่วน การใช้ยาแรงในการแก้ไขที่จะปรับเปลี่ยนได้จริงจัง ยิ่งผู้กระทำผิดคือพ่อพิมพ์ของชาติ ยิ่งต้องได้รับผลที่รวดเร็ว รุนแรง และแน่นอน สำหรับนักโทษคดีข่มขืนของแต่ละประเทศมีแนวทางการป้องกันและแก้ไขที่แตกต่างกัน หลายๆ ประเทศที่มีสถิติการข่มขืนสูงต้องกลับมาพิจารณาแนวทางลงโทษว่า เป็นการลงโทษแบบบำบัดแก้ไขหรือลงโทษแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน เน้นวิธีการที่มีกฎหมายรองรับที่ชัดเจนเพื่อป้องกันกันการก่อเหตุซ้ำ ทำให้แนวทางการจัดการคดีล่วงละเมิดทางเพศและข่มขืนทั่วโลก มีแนวทางที่แตกต่างกันออกไป พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า ถึงเวลาของประเทศไทยหรือไม่ที่จะต้องการเครื่องมือใหม่ๆ ที่สามารถนำมาแก้ไขปรับปรุงผู้กระทำผิดคดีทางเพศกับประเทศไทยได้ การใช้ยาแรงในการแก้ไข เช่น ประเทศเกาหลีใต้ ที่ฉีดยาทำให้อวัยวะเพศฝ่อ ไม่ตื่นตัว หรือการใช้กฎหมายที่ลงโทษสูงสุดไม่มีการลดโทษใดๆ ประหารชีวิตเท่านั้น เช่นเดียวกับ ประเทศอินเดีย ประเทศอัฟกานิสถาน ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศเกาหลีเหนือ ประเทศจีน และการป้องกันการกระทำผิดคดีทางเพศซ้ำโดยใช้ระบบการลงทะเบียนผู้กระทำผิดคดีทางเพศมาใช้ อย่างเช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ต้องย้อนกลับมาพิจารณาสังคมไทยว่าเราจะพิทักษ์รักษาสิทธิของใครเป็นสำคัญ

ส่วน พ.ต.ท.ผศ.ดร.ศิพร โกวิท อาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ และกรรมาธิการฯ ระบุว่า เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า กฎหมายกำหนดโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต และยังระวางโทษหนักขึ้นได้อีก หากกรณีเป็นการกระทำแก่บุคคลซึ่งอยู่ในความดูแล เช่น บุตร ลูกศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล กฎหมายไม่ได้อ่อนไป โทษตามกฎหมายนั้นเป็นโทษขั้นสูงที่สุดแล้ว แต่คดีความผิดเกี่ยวกับเพศ การข่มขืนกระทำชำเรา พ่อข่มขืนลูก ครูข่มขืนลูกศิษย์ ยังคงเกิดขึ้นอยู่ไม่ลดน้อยหายไปจากสังคมไทย จึงเป็นข้อสังเกตว่า ไม่ใช่เพราะกฎหมายอ่อนไป หรือโทษไม่น่าเกรงกลัว แต่เป็นเพราะผู้กระทำความผิดขาดความยับยั้งเกรงกลัว แม้รู้ว่าสิ่งที่กระทำเป็นความผิด แต่ขณะลงมือกระทำความผิดผู้กระทำเองก็ไม่คิดว่าจะถูกจับกุมดำเนินคดี การแก้ไขกฎหมายเพียงอย่างเดียวจึงไม่ใช่ทางแก้ปัญหา หากแต่ต้องเป็นการแก้ไขทั้งกระบวนการ ตั้งแต่กฎหมาย การดำเนินคดี การลงโทษที่เหมาะสม การเยียวยาฟื้นฟู ตลอดไปจนถึงการป้องกันสังคม ป้องกันมิให้เกิดช่องโอกาสในการกระทำความผิด.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

ญาติคาใจ ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ

เหตุการณ์ตำรวจ สภ.จอหอ จังหวัดนครราชสีมา ขับรถกระบะไล่ล่า เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์คนร้ายคดีลักทรัพย์ จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ญาติคาใจการทำหน้าที่ของตำรวจว่า น่าจะทำเกินกว่าเหตุ ไม่เป็นไปตามยุทธวิธี ล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว

คลี่ปมฆ่าโหดหนุ่มไทใหญ่ ทิ้งศพเชียงใหม่

ขมวดปมเข้ามาเรื่อยๆ สำหรับคดีฆ่าโหดใช้ค้อนปอนด์ทุบหัวหนุ่มไทใหญ่ลากขึ้นรถนำศพไปทิ้งที่ อ.แม่ริม เชียงใหม่ ล่าสุดเจ้าหน้าที่แกะรอยกล้องวงจรปิด พบรถที่กลุ่มคนร้ายใช้ขนศพ จ่อออกหมายจับอย่างน้อย 3 คน คาดปมสังหารจากเรื่องทะเลาะวิวาท

ไฟไหม้โกดังพระราม 2 เหตุร้อนจัด สารเคมีติดไฟเอง

กระทรวงอุตสาหกรรม เผยสาเหตุไฟไหม้โกดังย่านพระราม 2 มาจากอากาศร้อนจัด ทำให้สารไทโอยูเรียไดออกไซด์ติดไฟเอง เตือนสถานประกอบการให้แยกสารเคมีที่ติดไฟเองได้หรือสามารถทำปฏิกิริยาออกจากกัน หวั่นเกิดเหตุซ้ำ เพราะอากาศยังคงร้อนจัดต่อเนื่อง

ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย ปรับลดดอกเบี้ย MRR

นายกฯ ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย หั่นดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME