กองทัพไทยพร้อมเคียงข้างประชาชนสู้ภัยโควิด-19

กรุงเทพ 10พ.ค.- ผบ.สส ในฐานะหัวหน้าศปม. ห่วงใยประชาชน สั่งกองทัพไทยสนับสนุนงานรัฐบาลและช่วยประชาชนทุกด้านอย่างเต็มที่


พลตรี ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ได้เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และสังคมไทยโดยรวม ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งรัฐบาลและทุกภาคส่วนได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างเต็มกำลังจนทำให้สถานการณ์การแพร่กระจายโรคเริ่มลดลงและคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีตามลำดับ  จนในปัจจุบันนำไปสู่การกำหนดมาตรการผ่อนคลายเพื่อลดผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ของประชาชน รวมทั้งเพื่อให้สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามสมควร โดยมีผลตั้งแต่ 3 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นมานั้น 


โดยพลเอก พรพิพัฒน์  เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (หน.ศปม.) มีความห่วงใยและตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนในทุกด้าน จึงสั่งการให้กองบัญชาการกองทัพไทย ให้การสนับสนุนรัฐบาลและดำเนินการช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถในด้านต่าง ๆ ได้แก่  


ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ให้การสนับสนุนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ในการคัดกรองคนไทยผู้เดินทางกลับเข้าประเทศตามระบบตรวจคนเข้าเมืองและการคัดกรองโรคของกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2563 เป็นต้นมา ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง มีภารกิจสนับสนุนการปฏิบัติงานของกระทรวงกลาโหม รวมทั้งการประสานงาน ประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับคนไทยผู้เดินทางกลับครอบครัวและประชาชน  ตลอดจนการจัดยานพาหนะไปส่งยังพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ โดยกองบัญชาการกองทัพไทยได้จัดชุดแพทย์และชุดรักษาความปลอดภัยดำเนินการรับผิดชอบ ณ โรงแรมบางกอก พาเลส กรุงเทพ

การจัดตั้งคณะตรวจการประกอบกิจการและกิจกรรมตามมาตรการผ่อนคลายของ ศปม. จำนวน 2 ลักษณะ ปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2563 ได้แก่ ชุดตรวจร่วมตามมาตรการผ่อนคลายประจำพื้นที่ มีศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปม.ตร.) ดำเนินการร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง เหล่าทัพ (ศปม.ทบ., ศปม.ทร., ศปม.ทอ.) หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง  เพื่อตรวจสถานประกอบกิจการและกิจกรรมตามมาตรการผ่อนคลาย ให้เป็นไปตามมาตรการการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด ซึ่งชุดตรวจร่วมได้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติที่ถูกต้อง และจะเข้าทำการตรวจซ้ำอีกเพื่อยืนยันการแก้ไขให้เป็นไปตามมาตรการผ่อนคลายที่กำหนด รวมทั้งได้รณรงค์สร้างการตระหนักรู้เพื่อความร่วมมือกันทำให้สังคมไทยปลอดภัยจากโรค และชุดตรวจตามมาตรการผ่อนคลายส่วนกลาง มี หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) ดำเนินการร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตรวจกิจการและกิจกรรมตามมาตรการผ่อนคลาย ออกรณรงค์สร้างความเข้าใจ ประชาสัมพันธ์และช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบทั่วประเทศ โดยพบว่าสถานประกอบกิจการส่วนใหญ่ต่างให้ความร่วมมือและมีความเข้าใจในมาตรการผ่อนคลายที่กำหนดเป็นอย่างดี  

นอกจากนี้ ยังได้จัดรถครัวสนามเคลื่อนที่ จากหน่วยบัญชาการทหารพัฒนาออกประกอบอาหารสำเร็จรูปเพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชน จัดขบวนรถจักรยานยนต์เคลื่อนที่เร็ว นำอาหารแห้ง หน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อแจกจ่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ห่างไกลและผู้ป่วยติดเตียงอีกด้วย 

สำหรับในด้านการแก้ไขปัญหาผลผลิตทางการเกษตรล้นตลาดและราคาตกต่ำนั้น หน่วยบัญชาการทหารพัฒนาได้เข้าช่วยเหลือเกษตรกร โดยการช่วยเก็บเกี่ยวผลผลิต การขนส่ง การจัดเตรียมพื้นที่จำหน่าย และการนำผลผลิตมาจำหน่ายให้กับประชาชนบริเวณโดยรอบที่ตั้งหน่วย

ทั้งยังสนับสนุนโครงการฟาร์มตัวอย่าง จำนวน 18 ฟาร์ม โดยให้การสนับสนุน ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน ตามนโยบายเรื่องการสร้างอาชีพให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 อาทิ การขุดสระเก็บน้ำ การดำเนินงานขุดคลองไส้ไก่ การขุดลอกแหล่งน้ำ  การปรับพื้นที่และจัดหาน้ำกินน้ำใช้ให้แก่ประชาชน โดยเริ่มดำเนินการแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 8 ฟาร์ม

สำหรับบทบาทด้านการบรรเทาสาธารณภัยนั้น กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ปฏิบัติควบคู่กับงานด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด เพื่อสร้างพื้นฐานสำคัญในภาคการผลิต  ซึ่งถือเป็นแหล่งอาหาร การสร้างรายได้ และความมั่นคงในชีวิตของประชาชนชาวไทย ประกอบด้วย การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ โดยสำนักงานพัฒนาภาค 1-5 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ออกดำเนินการขุดเจาะบ่อบาดาล จำนวน 168 บ่อ การแจกจ่ายน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค จำนวน 33,834,400 ลิตร การพัฒนาแหล่งน้ำ เช่น การสร้างอ่างเก็บน้ำ ฝายทดน้ำ ขุดลอกคลอง หนอง บึง และสระเก็บน้ำในไร่นา จำนวน 64 แห่ง รวมผู้ได้รับผลประโยชน์  125,891 ครัวเรือน จำนวนทั้งสิ้น 348,417 คน พร้อมทั้งจัดทำแผนรองรับภัยพิบัติในรูปแบบต่าง ๆ  เช่น วาตภัย และ อุทกภัย โดยการจัดชุดเคลื่อนที่เร็วเข้าทำการช่วยเหลือ อาทิ การเปิดเส้นทางการจราจร การตัดกิ่งไม้ที่ล้มทับอาคารบ้านเรือน การซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้าง และบ้านพักอาศัยของประชาชนต่อไป

โดย พลเอก พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (หน.ศปม.) ยังได้ให้ความสำคัญแก่การตรวจเยี่ยมหน่วยเพื่อมอบขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมทั้งมอบหมายให้ผู้บังคับบัญชาของกองบัญชาการกองทัพไทย หมั่นตรวจเยี่ยมการปฏิบัติของหน่วยต่าง ๆ  อย่างสม่ำเสมอเพื่อรับทราบปัญหาข้อขัดข้องและนำมาปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้การปฏิบัติงานเกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป

ทั้งนี้กองบัญชาการกองทัพไทย มีความพร้อมในการสนับสนุนภารกิจของรัฐบาลในทุกรูปแบบ  และจะใช้ทุกศักยภาพที่มีเพื่อเคียงข้างร่วมสร้างภูมิคุ้มกันด้านความมั่นคงให้กับพี่น้องประชาชนในยามที่ต้องเผชิญกับวิกฤต โควิด-19 หรือภัยพิบัติในรูปแบบต่าง ๆ  เนื่องด้วยภารกิจด้านการบรรเทาสาธารณภัย การพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนในทุกภูมิภาคนั้น เป็นหน้าที่อันสำคัญยิ่งของกองบัญชาการกองทัพไทย ในการสร้างรอยยิ้มและความสุขที่ยั่งยืนให้แก่พี่น้องประชาชนชาวไทยตลอดไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็น เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 13 ส.ค.- “มาริษ” เมินกัมพูชาร้องยูเอ็นอ้างไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เย้ยไม่มีการถกเรื่องนี้ เชื่อยูเอ็นเข้าใจ เผยคุยมิตรประเทศ บอก พฤติกรรมเขมรวางทุ่นระเบิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เร่งประชุมร่วมรัฐภาคี-หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเก็บหลักฐานให้คณะทำงานดูข้อมูลจริงจากพื้นที่ ขอช่วยผลักดันเขมรร่วมวงเก็บกู้ทุ่นระเบิด-ทำตามอนุสัญญาออตตาวา นายมาริษ เสงี่ยมพงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาส่งจดหมายร้องเลขาฯ UN และ UNSC อ้างไทยละเมิดอธิปไตยและข้อตกลงหยุดยิงว่า เป็นการกล่าวอ้าง ซึ่งตนยังไม่เห็นหลักฐานที่ชัดเจน ของกัมพูชาว่าเราละเมิดตรงไหน ในขณะที่ทางกัมพูชาเองใช้วิธีที่ไม่จริงใจต่อความพยายามในการแก้ไขปัญหา ตามกรอบข้อตกลงหยุดยิงที่ได้ทำร่วมกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการยั่วยุด้วยสงครามข่าวสาร ไม่ว่าจะเป็นการใช้ โอกาสในการมาฝังลูกระเบิดสังหารบุคคลในดินแดนของประเทศไทย ในขณะที่ประเทศไทยมีหลักฐานที่ชัดเจน ที่ชี้ให้เห็นว่ากัมพูชาไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามความตกลงหยุดยิงระหว่างกัน อย่างไรก็ตามการที่กัมพูชาส่งหนังสือไปถึงยูเอ็น ทางฝ่ายยูเอ็นก็ไม่ได้มีการเปิดประชุมเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ ในขณะเดียวกัน ไทยก็ได้มีหนังสือชี้แจง เลขาธิการสหประชาชาติไปในทุกโอกาส และทุกกรณีที่มีการขัดแย้งเกิดขึ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวด้วยว่า ในเรื่องของอนุสัญญาออตตาวา ทางกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือผลักดันในเรื่องนี้ไปถึง ทูต ญี่ปุ่น ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก และเจนีวา ในฐานะที่เป็นประธานของรัฐภาคีอนุสัญญาออตาวา 3 ฉบับและอีกหนึ่งฉบับก็กำลังจะส่งตามไป เพื่อกดดันหรือผลักดันให้รัฐภาคี ดำเนินตามมาตรการ อนุสัญญาออตตาวาโดยเร็ว ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบขอข้อมูลหลักฐาน ที่ชัดเจนซึ่งตรงนี้รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพได้ร่วมมือกันอย่างดี และสนับสนุน […]

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จ.จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง […]

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย