ล่าระทึก! ชายวัย 44 กราดยิงครอบครัวภรรยาเก่า เจ็บ 1

ฉะเชิงเทรา 4 พ.ค. – ระทึก! ตำรวจฉะเชิงเทราขับรถไล่ล่าชายวัย 44 ปี เมาก่อเหตุกราดยิงครอบครัวภรรยาเก่า บาดเจ็บ 1 คน ในพื้นที่ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา


เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบเหตุยิงกัน ในหมู่บ้านมั่นคงผีขุดพัฒนา ต.บางปะกง อ.บางปะกง ภายในบ้านที่เกิดเหตุ พบผู้บาดเจ็บ คือ นางประโลม บุญทวี อายุ 51 ปี ถูกยิงที่คอและด้านหลัง จำนวน 2 นัด เจ้าหน้าที่เร่งปฐมพยาบาลและนำตัวส่งโรงพยาบาล ใกล้กันพบปลอกกระสุน ขนาด.22 ตกอยู่ 3 ปลอก หัวกระสุนขนาด .22 จำนวน 1 หัว และที่กระจกบ้านถูกยิงเสียหาย



ขณะที่ตำรวจอีกกว่า 20 นาย พร้อมอาวุธ ได้เข้าปิดล้อมหมู่บ้านค้นหาตัวผู้ก่อเหตุ คือ นายธนโชติ บำรุงญาติ อายุ 44 ปี ใช้เวลานานเกือบ 40 นาที แต่ก็ไม่พบ จากการสอบสวนทราบว่า หลังก่อเหตุ นายธนโชติได้ขับรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน งน 5812 ชลบุรี หลบหนีไป พร้อมกับอาวุธปืนยาวขนาด .22 ติดลำกล้อง 1 กระบอก และอาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก  

ล่าสุดนางประโลม ให้การว่า ผู้ก่อเหตุเป็นอดีตน้องเขย ซึ่งพยายามมาตามขอคืนดีกับน้องสาว คือ นางธัญพร บ้านสร้าง อายุ 43 ปี แต่มาด้วยอาการเมาอย่างหนัก และทะเลาะกันรุนแรง ใช้ของแข็งปาใส่หน้าบ้าน จึงแจ้งให้ตำรวจเข้ามาช่วยระงับเหตุ เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (3 พ.ค.) เมื่อตำรวจมาถึง นายธนโชติก็หลบหนีไป แต่ระหว่างที่ครอบครัวกำลังจะไปแจ้งความที่ สภ.บางปะกง นายธนโชติได้กลับมาที่บ้านอีกครั้ง คราวนี้ตะโกนว่าจะฆ่าให้หมดทั้งครอบครัว ก่อนจะใช้อาวุธปืนกราดยิง จำนวน 11 นัด และปืนลูกซองอีก 1 นัด ทำให้ต้องวิ่งหนีตายไปคนละทิศละทาง ตนกลัวว่าหลานจะถูกยิง จึงก้มไปบังกระสุน จนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ระหว่างนั้น นายธนโชติได้โพสต์เฟซบุ๊กว่าจะฆ่าทิ้งให้ได้ และไม่ยอมถูกจับคืนนี้ แต่จะไปมอบตัวเองตอนเช้า 


จากนั้นตำรวจได้รับแจ้งว่า นายธนโชติขับรถเข้าไปในโรงพยาบาลบางปะกง แล้วเดินขึ้นไปบนตึก เพื่อจะตามไปยิงผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นพี่สาวของภรรยาเก่าซ้ำ ทางโรงพยาบาลได้แจ้งชุดสืบสวนเข้าตรวจสอบ แต่ก็ไม่พบ เพราะนายธนโชติได้ขับรถหลบหนีออกนอกโรงพยาบาลไปก่อนแล้ว ทำให้ทางกู้ชีพโรงพยาบาลบางปะกงไม่กล้าย้ายผู้บาดเจ็บไปโรงพยาบาลพุทธโสธร เพราะกลัวว่าระหว่างทาง นายธนโชติจะขับรถไล่ยิงรถโรงพยาบาล ตำรวจจึงประสานสายตรวจรถยนต์ขับรถติดตามรถพยาบาลไป เพื่อความปลอดภัย

กระทั่งเวลา 23.45 น. คนในหมู่บ้านโทรมาแจ้งตำรวจว่า นายธนโชติขับรถกลับไปยังบ้านที่เกิดเหตุ แล้วเข้าไปพังข้าวของภายในบ้าน รถกระบะ และรถของเพื่อนบ้าน เสียหายอย่างหนัก จนทำให้ชาวบ้านต้องขับรถพาครอบครัวนางธัญพร ซึ่งเป็นภรรยาเก่า พร้อมลูกและคนในครอบครัว รวม 5 ชีวิต หนีตายไปหลบอยู่ในอาคาร อบต.หลังเก่า ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 1 กิโลเมตร เพราะกลัวว่า นายธนโชติจะมายิงซ้ำ ซึ่งตำรวจได้เร่งติดตามไปที่อาคาร อบต.หลังเก่า และเข้าช่วยเหลือครอบครัวทั้ง 5 ชีวิตได้อย่างปลอดภัย ก่อนรีบนำทุกคนไปหลบที่ สภ.บางปะกง 

ระหว่างนั้น ช่วงประมาณเที่ยงคืนที่ผ่านมา ตำรวจสายตรวจพบรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน งน 5812 ชลบุรี คันที่นายธนโชติใช้ในการหลบหนี จอดนิ่งอยู่ภายในซอยคลองตัณฑิกุล หมู่ 12 ต.บางปะกง อ.บางปะกง จึงรีบนำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจสอบ พบว่า รถคันดังกล่าวไม่มีการเปิดไฟ อีกทั้งคนร้ายมีปืน ทำให้ต้องใช้ความระมัดระวัง ระหว่างที่ตำรวจจะเข้าประชิดรถ จู่ๆ คนในรถก็เปิดไฟหน้ารถ ก่อนจะเร่งเครื่องขับรถหลบหนีไปทางถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) กม.44 ขาเข้า กทม. ช่องคู่ขนาน อย่างรวดเร็ว ตำรวจต้องขับรถไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด กระทั่งคนร้ายขับรถขึ้นสะพานกลับรถแล้ววิ่งเข้าชลบุรีด้วยความเร็ว ซึ่งตำรวจก็ไล่ติดตาม แต่สุดท้ายไปคลาดกันในเขตพื้นที่ อ.เมืองชลบุรี ระยะทางเกือบ 10 กิโลเมตร 

ระหว่างที่ตำรวจ สภ.บางปะกง กำลังวางแผนและดักคนร้าย จึงค่อยขับรถกลับรถบนสะพานกลับรถ กม.57-58 เพื่อจะกลับโรงพัก ซึ่งบริเวณช่องทางด่วน ขาเข้า กทม. มีตำรวจ สภ.เมืองชลบุรี พร้อมทหาร และฝ่ายปกครอง ตั้งด่านตรวจเคอร์ฟิวอยู่ ระหว่างนั้น นายธนโชติได้ขับรถมาจากด้านหลังอย่างเร็ว ก่อนจะขึ้นสะพานกลับรถ และเกือบชนรถจักรยานยนต์สายตรวจของ สภ.บางปะกง ก่อนที่นายธนโชติจะลังเล เพราะเจอด่านฯ จึงพยายามหักพวงมาลัยจะเข้าช่องคู่ขนาน แต่เพราะความเร็วของรถ ทำให้รถเสียหลักชนขอบทางแบริเออร์และลอยขึ้นฟ้า ก่อนจะตกลงมากระแทกพื้น ตำรวจ สภ.บางปะกง สภ.เมืองชลบุรี ตำรวจทางหลวงชลบุรี และทหาร กว่า 50 นาย ได้ปิดล้อมรถคันดังกล่าว เพราะไม่รู้ว่า นายธนโชติจะยิงต่อสู้หรือไม่

จนเวลาผ่านไปเกือบ 10 นาที จึงเข้าปิดล้อมรถคันดังกล่าวแล้วส่องไฟดู พบว่า นายธนโชตินอนสลบอยู่ในรถ จึงรีบเข้าช่วยเหลือนายธนโชติออกมาจากรถและจับกุมตัว ภายในรถพบอาวุธปืนยาวขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุน และอาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก พร้อมกระสุน จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน ส่วนนายธนโชติ ยังอยู่ในอาการมึนเมา พูดจาไม่รู้เรื่อง ตำรวจจึงนำตัวไปสอบสวนต่อที่ สภ.บางปะกง 

ด้านนางธัญพร อดีตภรรยา ให้การว่า ตนอยู่กับนายธนโชติ มากว่า 27 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน ต่อมาได้เลิกรากัน แต่นายธนโชติยังมาตามง้อขอคืนดีตลอด และทุกครั้งจะขู่ฆ่ายกครอบครัว ซึ่งครั้งนี้น่าจะเพราะความเมา ทำให้กล้าลงมือก่อเหตุกราดยิงคนในครอบครัว จนเกือบจะตายกันทั้งหมด โชคดีที่วิ่งหนีทัน เบื้องต้นตำรวจตั้ง 3 ข้อหา คือ พยายามฆ่า, ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.อาวุธปืน. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]

“มาริษ” จ่อบินเจนีวา แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี

สวีเดน 24 ส.ค.-“มาริษ” เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด-โจมตีพลเรือนไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าหลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้วจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้ วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาและในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สืทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (icrc )ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้ โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน crc พอดี ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพมหานครแล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบายทั้ง 2 ประการเหล่านี้เพราะ icrc เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์ จะเข้ามาพูดคุย ชี้แจงก็เพื่อยืนยัน ใน ท่าทีบทบาท ของประเทศไทยที่ชัดเจนว่าเราเป็นประเทศ ที่รักสันติ เราต้องการ แก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ […]