กรุงเทพฯ 30 เม.ย.- “ยุทธพร อิสรชัย”ชี้ ปม “พล.อ.กนิษฐ์” เข้ายุ่งเปลี่ยนหน.พปชร. สะท้อนยุค คสช.ตั้งวุฒิสภาผลประโยชน์ทับซ้อน ขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ
นายยุทธพร อิสรชัย นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงกระแสข่าวกรณีพล.อ.กนิษฐ์ ชาญปรีชญา สมาชิกวุฒิสภา เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่าโดยหลักการสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ที่ต้องทำหน้าที่ในการตรวจสอบกลั่นกรองสภาผู้แทนราษฎร และโดยเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญปี 2560 ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่ต้องการให้ส.ว.มีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง ซึ่งการเข้าไปยุ่งเกี่ยวดังกล่าวอาจจะผิดทั้งหลักเกณฑ์การถ่วงดุลตรวจสอบอำนาจ ซึ่งฝ่ายนิติบัญญัติต้องถ่วงดุลกับฝ่ายบริหาร โดยเฉพาะการเป็นส.ว.จะต้องไม่สังกัดพรรคการเมือง ดังนั้นหากสุดท้ายพฤติกรรมผิดกฎหมายก็นำซึ่งการยื่นเรื่องให้พ้นการเป็นส.ว.ได้
ส่วนกรณี พล. อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่อดีตเป็นประธานคณะกรรมการสรรหาวุฒิสภาฯ ในยุค คสช. และเลือก พล.อ.กนิษฐ์ มาเป็นส.ว. จะขัดหลักกฎหมายหรือไม่เพราะเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน นายยุทธพร กล่าวว่า ความจริงไม่ใช่เพียงกรณีนี้อย่างเดียวที่เกิดข้อวิจารณ์ถึงเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนในการสรรหาส.ว. ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการเปิดเผยคณะกรรมการสรรหา ส.ว. และปรากฏว่าหลายคนที่เป็นคณะกรรมการก็มาเป็นส.ว. ด้วย ดังนั้นข้อวิจารณ์เหล่านี้มีมาโดยตลอด แต่ที่ผ่านมาไม่มีการดำเนินการใด ๆ โดยสิ่งนี้ทำให้คนตั้งคำถามกับส.ว.ชุดนี้ค่อนข้างมาก ทั้งในแง่ของที่มา กระบวนการในการทำหน้าที่ แต่สิ่งสำคัญคือ ส.ว.ต้องรักษาความเป็นกลาง แม้ว่าในสภาพความเป็นจริงความเป็นกลางจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เต็มที่ 100 % เพราะแน่นอนว่าคนเราจะต้องมีความมักคุ้นกัน มีเรื่องของการเคยทำงานร่วมกัน หรือเรื่องทัศนคติที่ดีหรือไม่ดีต่อกัน ก็เป็นเรื่องปกติของคน แต่ว่าเมื่ออยู่ในบทบาทของส.ว.ก็ต้องพึงระลึกว่าในการใช้อำนาจหน้าที่ก็ต้องทำตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและหลักการระบบของรัฐสภา.-สำนักข่าวไทย