ศบค.ยังต้องเข้มเข้า-ออก ป้องนำเชื้อเข้าประเทศ

ทำเนียบรัฐบาล 29 เม.ย.-ศบค.เผยผู้ป่วยใหม่ 9 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม ชี้แม่ที่ป่วยโควิด-19 ให้นมลูกได้ ไม่ติดเชื้อผ่านน้ำนม ชื่นชมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือเพิ่มขึ้น ย้ำยังต้องคุมการเข้า-ออก ป้องกันการนำเชื้อเข้ามา 


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 วันนี้ (29 เม.ย.) ว่า ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 9 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,947 ราย รักษาหาย 2,665 ราย รักษาตัวอยู่ 228 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตคงเดิม รวม 54 ราย ทั้งนี้ จากจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 9 ราย พบว่ามาจากการสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 6 ราย(กทม. 3 ภูเก็ต 3 โดยอยู่ในครอบครัวเดียวกัน 2 ราย จาก 3 ราย) บุคลากรทางการแพทย์ 2 ราย และอยู่ระหว่างสอบสวนโรค 1 ราย ซึ่งผู้ป่วยใหม่ 9 รายอยู่ในภูเก็ต 4 ราย กรุงเทพมหานคร 3 ราย สมุทรปราการ 2 ราย 


“ส่วนผู้ป่วยสะสม 2,947 ราย พบใน 5 จังหวัดสูงที่สุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 1,488 ราย ซึ่งอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 9 ราย ภูเก็ต 213 ราย นนทบุรี 157 ราย ยะลา 113 ราย อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 8 ราย สมุทรปราการ 113 ราย และเมื่อจำแนกอัตราป่วยต่อประชากรหนึ่งแสนคน โดยไม่รวมผู้ป่วยที่อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ พบว่า จังหวัดภูเก็ต มีผู้ป่วยมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 51.52 กรุงเทพมหานคร ร้อยละ 26.24 ยะลา ร้อยละ 21.15 ปัตตานี ร้อยละ 10.95 และนนทบุรี ร้อยละ 12.50” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอายุตั้งแต่ 0-14 ปี พบว่าตั้งแต่เดือนมกราคมถึง 26 เมษายน จำนวน 88 ราย ถือเป็นร้อยละ 3 ของผู้ป่วยทั้งหมด และไม่พบผู้เสียชีวิต ชายและหญิงเท่ากันที่อัตรา 1:1 พบในผู้ป่วยชาวไทยร้อยละ 90 และต่างชาติร้อยละ 10 โดยเฉลี่ยอายุ 0-4 ปี พบร้อยละ 34  อายุ 5-9ปี ร้อยละ 32 และอายุ10-14 ปี ร้อยละ 34 โดยมีปัจจัยเสี่ยงมาจากการสัมผัสผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้ามากที่สุดร้อยละ 86.4 มีประวัติเดินทางจากต่างประเทศร้อยละ 3.4 ไปสถานที่แออัด ร้อยละ 3.4 และไม่มีข้อมูล ร้อยละ 6.8 พบที่จังหวัดภูเก็ต ยะลาและปัตตานีมากที่สุด ซึ่งเชื่อมโยงกับผู้ที่ประกอบพิธีทางศาสนา นอกจากนี้พบว่าผู้ป่วยเด็กสัมผัสจากพ่อแม่มากที่สุด ร้อยละ 45 บุคคลอาศัยร่วมบ้าน ร้อยละ 24 ญาติ ร้อยละ 8


“มูลนิธิศูนย์นมแม่ให้ข้อมูลว่า สำหรับแม่ที่ให้นมลูก ซึ่งอาจจะเป็นผู้ป่วยโควิด-19 การติดเชื้อไม่สามารถผ่านทางน้ำนมแม่ได้ ผู้ป่วยจึงให้นมลูกได้ แต่ต้องป้องกันให้ดี ทั้งใส่หน้ากากอนามัยหรืออาจจะใช้วิธีการปั๊มนมแล้วให้ลูกกิน หากไม่มีความจำเป็น ไม่แนะนำว่าจะต้องเปลี่ยนให้ลูกไปกินนมผง เพราะจะเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่าย และเด็กอาจจะไม่ได้รับภูมิคุ้มกันจากนมแม่” โฆษกศบค. กล่าว 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เมื่อดูพฤติกรรมของคนไทย เรื่องการเว้นระยะห่างทางสังคมในช่วงวันที่ 12-18 มีนาคม และ 30 มีนาคม – 5 เมษายน พบว่า บุคลากรทางการแพทย์ปฎิบัติ ร้อยละ 87.1 เพิ่มเป็น ร้อยละ 87.7 ขณะที่ประชาชนปฏิบัติ ร้อยละ 86.9 ถือว่าลดลงเหลือ 82.4 จะเห็นได้ว่าจากตัวเลขที่ลดลงของประชาชนคือมีหลายคนไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด ส่วนการล้างมืออย่างสม่ำเสมอ พบว่าประชาชนให้ความสำคัญมากขึ้น โดยบุคลากรทางการแพทย์จากร้อยละ 93 เป็นร้อยละ 97.4 ส่วนประชาชนจากร้อยละ 83.6 เป็นร้อยละ 87.5 การใส่หน้ากากอนามัย เมื่อออกจากบ้านและอยู่ในที่ชุมชน พบว่าประชาชนทั่วไปใส่ หน้ากากอนามัยจากร้อยละ 60.7 เป็น ร้อยละ 92.6 และใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาขณะปฏิบัติงาน ร้อยละ 70 เพิ่มเป็นร้อยละ 96.8 ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมที่ทุกคนปฏิบัติและร่วมมือดูแลตัวเองอย่างดี 

โฆษกศบค. กล่าวว่า สถานการณ์โลก พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 3,138,190 ราย เสียชีวิต 217,974 ราย สหรัฐอเมริกาพบติดเชื้อมากที่สุด 1,035,765 ราย เสียชีวิต 59,266 ราย ไทยอยู่ที่อันดับที่ 59 ของโลก ขณะที่ในกลุ่มประเทศอาเซียนและเอเชีย พบว่า อินเดียอยู่ที่ อันดับที่ 15 ของโลก สิงคโปร์ อันดับที่ 16 ของโลก ปากีสถาน อันดับที่ 27ของโลก ญี่ปุ่นอันดับที่ 29 ของโลก และเกาหลีใต้ อันดับที่ 35 ของโลก 

“เรื่องนี้จะต้องให้ความสำคัญ ทั้งเรื่องทางชายแดนรวมถึงเรื่องการบิน เพราะต้องพิจารณาว่าสถานการณ์โลกเป็นอย่างไร หากเปิดน่านฟ้าให้คนต่างชาติเข้ามาได้ แม้ไทยจะสถานการณ์ดี แต่สถานการณ์โลกยังไม่ดี มาตรการต่าง ๆ คงยังต้องบังคับใช้อยู่ เพื่อไม่ให้นำเชื้อเข้ามาในประเทศไทย ทั้งนี้ วันนี้(29 เม.ย.) จะมีเที่ยวบินคนไทยที่ตกค้างกลับจากอินเดีย 189 คน พรุ่งนี้(30 เม.ย.) จากรัสเซีย 15คน ศรีลังกาและมัลดีฟ์ 40 คน และอินเดีย 170 คน โดยรวมผู้ที่เดินทางกลับเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 4-28 เมษายน จำนวน 2,981 คนจาก 22 ประเทศ ส่วนคนไทยที่เดินทางกลับผ่านจุดผ่านแดนทางบก วานนี้(28 เม.ย.) จากเมียนมา 3 คน มาเลเซีย 364 คน ลาว 2 คน กัมพูชา 3 คน” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว  

โฆษกศบค. กล่าวว่า สำหรับผู้ฝ่าฝืนการประกาศเคอร์ฟิว พบประชาชนออกนอกเคหสถาน 589 ราย รวมกลุ่มชุมนุมและมั่วสุมจำนวน  79 ราย จังหวัดที่ฝ่าฝืนกฎหมายสูงสุดคือกรุงเทพมหานคร ปทุมธานี ปัตตานี สมุทรสาคร ภูเก็ตและสมุทรปราการ.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบเจ้าบ่าวลอบขนยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด

ปราจีนบุรี 17 พ.ค. – ตำรวจสกัดจับพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด อาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก กระสุนปืน 10 นัด รถกระบะ 1 คัน นาทีเจ้าหน้าที่สกัดจับนายธนธรรม หรือ เม่น เจ้าบ่าวซึ่งเพิ่งผ่านพิธีแต่งงานไปไม่นาน และเป็นหนึ่งในแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ โดยจับกุมได้บริเวณถนนบ้านหนองหอย อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด, อาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก, กระสุนปืน 10 นัด และรถกระบะ 1 คัน ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผยขบวนการนี้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากริมแม่น้ำโขง จ.อำนาจเจริญ มาซุกซ่อนไว้ที่บ้านในปราจีนบุรี เพื่อเตรียมกระจายไปยังพื้นที่ปทุมธานี เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวจนพบว่าจะมีการเดินทางไปยัง จ.อุบลราชธานี เพื่อรับยาเสพติด กระทั่งกลุ่มผู้ต้องหารู้ตัวว่าถูกสะกดรอย จึงเร่งความเร็วรถหลบหนี ก่อนพุ่งชนรถเจ้าหน้าที่ และถูกสกัดจับไว้ได้ ขณะที่รถยนต์ 2 […]

ไรเดอร์ชกเบ้าตาแตก ฉุนเมาปักหมุดมั่วแถมลวนลาม

พัทยา 17 พ.ค.- ไรเดอร์ฉุน ชกนักท่องเที่ยวชาวอินเดียจนเบ้าตาแตก พยานบอกผู้ก่อเหตุฉุนปักหมุดผิดทำขี่วนหลายรอบ แถมถูกลวนลามจึงทนไม่ไหว นักท่องเที่ยวชาวอินเดีย อายุประมาณ 35-40 ปี นอนบาดเจ็บ คิ้วซ้ายและเบ้าตาซ้ายแตกเลือดอาบหน้าอยู่ในอาการมึนเมา เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงประมาณตี 1 วันนี้ ในซอยเทพประสิทธิ์ 17 เมืองพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ส่วนผู้ก่อเหตุหลบหนีไปก่อนเจ้าหน้าที่จะมาถึง แต่พลเมืองดีบันทึกภาพไว้ได้ จึงมอบให้ตำรวจเป็นหลักฐาน สอบถามพนักงานรักษาความปลอดภัยของคอนโดฯ แห่งหนึ่งใกล้จุดเกิดเหตุ ให้ข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุเป็นไรเดอร์ส่งผู้โดยสาร และเล่าให้ตนฟังว่านักท่องเที่ยวคนนี้มึนเมาอย่างหนัก แถมปักหมุดสถานที่ส่งผิดที่ ผู้ก่อเหตุก็พยายามวนหาอยู่หลายครั้ง เท่านั้นยังไม่พอ ผู้บาดเจ็บได้ลวนลามผู้ก่อเหตุ จนผู้ก่อเหตุโมโหและจอดรถชกหน้าทันที ทั้งนี้ ผู้บาดเจ็บจะเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองพัทยา หลังรักษาอาการบาดเจ็บแล้ว .-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” นำค้นวัดไร่ขิง 3 จุด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด

นครปฐม 16 พ.ค.-“บิ๊กเต่า” นำกำลังตำรวจกองปราบบุกค้นวัดไร่ขิง 3 จุด หาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอี่ยวคดียักยอกเงินวัด 300 ล้าน พร้อมนำหมายค้นบ้านประชาชน 1 จุด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่วัด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด เวลา 07.00 น. พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ตรวจค้นภายในวัดไร่ขิงพระอารามหลวง มีทั้งหมด 3 จุด และบริเวณโดยรอบอีก 1 จุด ซึ่งจุดแรกในวัดไร่ขิงคือกุฏิของพระธรรมวชิรานุวัตร หรือเจ้าคุณแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงและเจ้าคณะภาค 14 โดยมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเป็นผู้ที่นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในกุฎิ พร้อมสังเกตการณ์ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการถึงบริเวณหน้ากุฎิเจ้าอาวาส ได้ให้ตำรวจอ่านหมายค้น เพื่อเข้าตรวจสอบและยึดสิ่งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการกระทำความผิด ทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ประกอบหลักฐานการสอบสวนไต่สวนมูลฟ้องในการพิจารณาความผิด ขณะที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการอ่านหมายค้น ว่า วันนี้เป็นการตรวจค้นเกี่ยวกับเส้นเงินที่ไหลไปตามบัญชีต่างๆ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องมีการเรียกสอบรายบุคคลพร้อมกับการตรวจค้น โดยหลักๆ ส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมุ่งเน้นไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ […]

2 ผู้ต้องหามอบตัว คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์ม

ตรัง 16 พ.ค. – หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้องอีก 1 คน ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ติดต่อขอมอบตัว หวั่นถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่า เช้านี้ ตำรวจ สภ.โคกนา เจ้าของพื้นที่คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับการประสานจากอดีตสมาชิกสภาจังหวัด ในพื้นที่อำเภอสิเกาว่า จะนำตัว 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว คือ นายศุภกรณ์ หรือบิน อายุ 37 ปี ชาวตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง และนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี ชาวหมู่ 7 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน กังวลเรื่องความปลอดภัย หากหลบหนีต่อไป เกรงถูกวิสามัญฆาตกรรม หลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ระดมปิดล้อมบ้านเขาหลัก […]

ข่าวแนะนำ

อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง นอนคุกคืนแรกเครียด ไม่กินมื้อเย็น

กรมราชทัณฑ์ 18 พ.ค. – อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง นอนคุกคืนแรกเครียด ไม่กินมื้อเย็น ส่วน “เปรมชัย” กักโรคอยู่แดนพยาบาลเรือนจำ ภายหลังวานนี้ (17 พ.ค.) พนักงานสอบสวนนำตัว 3 ผู้ต้องหา คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง ได้แก่ นายแย้ม อินทร์กรุงเก่า หรือ อดีตพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง นายเอกพจน์ ภูฆัง หรือ อดีตพระมหาเอกพจน์ ภูฆัง พระลูกวัดคนสนิทของอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และ น.ส.อรัญญาวรรณ วังทะพันธ์ โบรกเกอร์เว็บพนันออนไลน์ ฝากขังศาลครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน และส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้ออกหมายขังระหว่างสอบสวน ให้ขัง น.ส.อรัญญาวรรณ วังทะพันธ์ ที่ทัณฑสถานหญิงกลางโดยได้ดำเนินการรับตัวและนำตัวกักโรคโควิด-19 ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อในแดนระหว่างพิจารณาคดี เบื้องต้นตรวจสุขภาพร่างกายปกติ […]

ฝนตกหนักบนดอยสุเทพ น้ำหลากท่วมชุมชนเขตเทศบาลเชียงใหม่

เชียงใหม่ 18 พ.ค.-ฝนตกหนักบนดอยสุเทพ และในตัวเมืองเชียงใหม่ นานนับชั่วโมง ทำให้น้ำป่าไหลหลากลงมาตามลำห้วย และเอ่อล้นท่อระบายน้ำ ท่วมขังชุมชนศรีปิงเมือง ชุมชนกาดก้อม ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังกังวล กลัวจะเหมือนปีที่ผ่านมา ประชาชนได้รับผลกระทบเป็นบริเวณกว้าง ทำให้รถเล็ก ที่จะผ่านเส้นทางบริเวณดังกล่าว ผ่านลำบาก รถจักรยานยนต์ เครื่องยนต์ดับหลายคัน ระดับน้ำสูง 30 เซนติเมตร ขณะที่ชาวบ้านขอความร่วมมือผู้ที่ขับรถยนต์ผ่านเส้นทางเข้าในชุมชน ขอให้ชะลอความเร็ว เนื่องจากเกิดคลื่นน้ำ ทะลักเข้าไปในบ้าน ทรัพย์สินจะเสียหาย หากเป็นไปได้ ให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง ไปใช้เส้นทางอื่นแทน ขณะนี้ระดับน้ำยังคงสูงขึ้น เนื่องจากฝนยังไม่หยุดตก ทำให้การสัญจรบางเส้นทางลำบาก นอกจากนั้นยังมีน้ำท่วมขังถนนอีกหลายสาย รอการระบาย ทำให้มีประชาชนติดค้างตามร้านค้าร้านอาหารข้างทางเพื่อหลบฝน ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาและเร่งระบายน้ำ หลังจากนั้นประมาณ 2-3 ชั่วโมง ระดับน้ำน่าจะลดลง ล่าสุดเช้าวันนี้ ระดับน้ำลดลงเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว บางจุดยังมีน้ำขังบนถนนเล็กน้อย ถนนตามชุมชนมีแต่ขยะและถุงขยะลอยมากับน้ำท่วม ทำให้รถขยะของเทศบาลนครเชียงใหม่ เร่งเก็บเศษขยะและถุงขยะ อย่างไรก็ตามประชาชนส่วนใหญ่ยังกังวลเกี่ยวกับเรื่องน้ำท่วม กลัวจะเหมือนปีที่ผ่านมา ขณะที่ผู้รับเหมาดูดตะกอนดินทรายในแม่น้ำปิง ได้นำเรือดูดทรายลำแรกจากจังหวัดอ่างทอง มาถึง ลงในน้ำปิง ตรงข้ามกับสำนักงานแขวงนครพิงค์ ย่านวังสิงห์คำ ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ […]

รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัท เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้าน

กทม. 18 พ.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัทชิปปิ้ง เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้านบาท พบก่อเหตุคล้ายกันในบริษัทฯ อีก 2 แห่ง รวมรัฐเสียหายกว่า 430 ล้านบาท ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) นำเจ้าหน้าเข้าจับกุม นางสมบุญ อายุ 54 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1051/2568 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์2568 ในความผิดฐาน “ร่วมกันเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มกระทำการใดๆ โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน ที่ลานจอดรถหน้าอพาร์ทเมนต์ พื้นที่ ม.2 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พฤติการณ์ ของ น.ส.สมบุญ ผู้ต้องหา ตรวจสอบพบว่า เป็นหนึ่งในกรรมการ บริษัท แห่งหนึ่งประกอบกิจการเป็นตัวแทนนำเข้าสินค้าและดำเนินพิธีการศุลกากรเพื่อนำสินค้าออกจากท่าเรือ แต่จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่าบริษัทฯดังกล่าวมีพฤติการณ์ปิดบังซ่อนเร้นที่มาของรายได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ โดย บริษัทมักจะไม่มีการออกใบกำกับภาษีขายและใบเสร็จรับเงินสำหรับค่าบริการให้แก่ลูกค้าแต่อย่างใด และการจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างของบริษัทฯ มักจะจ่ายเป็นเงินสดให้ลูกจ้างเป็นรายสัปดาห์ […]

ตำรวจเร่งตรวจสอบบัญชีธนาคารวัดไร่ขิง กว่า 20 บัญชี

กทม. 18 พ.ค.-ตำรวจเร่งตรวจสอบบัญชีธนาคารวัดไร่ขิง กว่า 20 บัญชี หาความเชื่อมโยงการยักยอกเงินของอดีตเจ้าอาวาส เบื้องต้นพบมีอีก 7 บัญชี ที่ใช้กล่าวหาการกระทำความผิด เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบและสอบปากคำพยาน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง วันนี้ (18 พ.ค.68) พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ให้ข้อมูลว่า ทางพนักงานสอบสวนยังคงเดินหน้ารวบรวมพยานหลักฐานเส้นทางการเงิน สอบปากคำพยานและผู้ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีวัดไร่ขิง จำนวนหลายบัญชีทยอยเข้ามาสอบปากคำ โดยตั้งศูนย์ปฏิบัติงานที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน จากข้อมูลการสอบสวนปัจจุบัน พบความเชื่อมโยงเส้นทางการเงินระหว่างนายแย้ม กับ นางสาวอรัญญาวรรณหลายช่องทาง ช่วงปี 2563 ถึง ปี 2567 รวมเป็นเงินกว่า 300 ล้านบาท -แยกออกเป็นบัญชีส่วนตัวของอดีตพระแย้ม โอนเงินให้นางสาวอรัญญาวรรณในช่วงปี 2566 รวมกัน 80 ล้านบาท-ใช้บัญชีของอดีตพระเอกพจน์ หรือนายเอกพจน์ โอนเงิน และตระเวณนำเงินสดไปฝากตู้ธนาคารต่าง ๆ ให้นางสาวอรัญญาวรรณ หลายรายการรวมแล้วกว่า 200 ล้านบาท-และพบว่ามีชื่อบัญชีบุคคลอีก 1 บัญชี โอนเงินให้ นางสาวอรัญญาวรรณ […]