คปภ.ผุด 3 มาตรการยกระดับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนให้เข้มข้นยิ่งขึ้น

กทม. 18 เม.ย.- คปภ. เผยเรื่องร้องเรียนประกันภัยโควิด-19 ทั่วประเทศ 272 เรื่อง สามารถยุติเรื่องได้กว่า 91.54% พร้อมผุด 3 มาตรการเพื่อยกระดับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนให้เข้มข้นยิ่งขึ้น





ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) พบว่า ประชาชนให้ความสนใจซื้อกรมธรรม์ประกันภัยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เป็นจำนวนมาก ซึ่งจากข้อมูล ณ วันที่ 17 เมษายน 2563 มีผู้สนใจซื้อกรมธรรม์ประกันภัยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จำนวน 8,154,409 ฉบับ ภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือนเศษ เพื่อติดตามการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนด้านการประกันภัยอย่างใกล้ชิด เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2563 ได้มีจัดประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ประชาชนด้านการประกันภัย ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพื่อติดตามตรวจสอบและเพื่อแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตามสัญญาประกันภัย รวมถึงกำหนดมาตรการในการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนด้านการประกันภัยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ให้มีความเหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยที่ประชุมมีมติกำหนดมาตรการดังนี้

มาตรการที่ 1 ให้มีการบูรณาการการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาร้องเรียนในประเด็นที่เกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคได้รับตามระเบียบสำนักงานคณะกรรมกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยว่าด้วยการพิจารณาข้อร้องเรียนและดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านการประกันภัย พ.ศ. 2552 โดยหากเป็นกรณีที่ไม่สามารถเจรจาหาข้อยุติได้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเรื่องร้องเรียนดังกล่าวพร้อมสรุปประเด็นปัญหาที่ไม่สามารถเจรจาหาข้อยุติได้ มายังฝ่ายเลขานุการคณะทำงานฯ เพื่อรวบรวมและนำเสนอที่ประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจฯ พิจารณาให้ความเห็น เพื่อเป็นแนวทางให้พนักงานเจ้าหน้าที่นำไปประกอบการพิจารณาข้อร้องเรียนให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วและเป็นธรรมต่อไป


มาตรการที่ 2 กำหนดรายชื่อผู้ประสานงานและแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนผ่านระบบทางด่วนประกันภัย ทั้งในส่วนของสำนักงาน คปภ. และบริษัทประกันภัย ให้เป็นผู้ประสานงานข้อร้องเรียนดังกล่าว เพื่อทำหน้าที่ในการประสานงานเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เป็นการเฉพาะ   

มาตรการที่ 3 กำหนดพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อรับผิดชอบข้อร้องเรียนเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เป็นการเฉพาะ โดยมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อรับผิดชอบข้อร้องเรียนดังกล่าวไว้เป็นการเฉพาะ เพื่อให้การพิจารณาเป็นไปด้วยความรวดเร็วและเป็นธรรม ตลอดจนสามารถติดตามข้อมูลสถิติเรื่องร้องเรียนได้รวดเร็วขึ้น

นอกจากนี้ คณะทำงานเฉพาะกิจฯ ยังได้ติดตามช่องทางการโฆษณาบนสื่อออนไลน์ของบริษัทประกันภัยและนายหน้าประกันภัยนิติบุคคล เพื่อให้มีการดำเนินงานที่ถูกต้อง เป็นไปตามประกาศ คปภ. เรื่อง หลักเกณฑ์  วิธีการออก การเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันชีวิต/ประกันวินาศภัย และการปฏิบัติหน้าที่ของตัวแทนประกันชีวิต/ประกันวินาศภัย นายหน้าประกันชีวิต/ประกันวินาศภัย และธนาคาร พ.ศ.2561

ทั้งนี้ จากสถิติการรับเรื่องร้องเรียนของ สำนักงาน คปภ. ทั่วประเทศ มีจำนวนทั้งสิ้น 272 เรื่อง โดยแยกเป็นเรื่องร้องเรียนจากส่วนภูมิภาค จำนวน 147 เรื่อง ส่วนกลาง จำนวน 125 เรื่อง โดยสามารถยุติเรื่องร้องเรียนได้เป็นจำนวน 249 เรื่อง หรือคิดเป็นร้อยละ 91.54 และอยู่ระหว่างดำเนินการจำนวน 23 เรื่อง ซึ่งข้อร้องเรียนที่ได้รับมากที่สุด คือ ซื้อประกันและจ่ายเบี้ยประกันภัยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) แล้วยังไม่ได้รับกรมธรรม์ประกันภัย จากบริษัท รองลงมาคือ ไม่สามารถติดต่อบริษัทเพื่อเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขข้อมูลได้ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลผิด ส่วนเรื่องร้องเรียนที่อยู่ระหว่างดำเนินการอีก 23 เรื่อง พบว่า เป็นข้อร้องเรียนในกรณีที่ยังไม่ได้รับกรมธรรม์ สำนักงาน คปภ. จึงได้ประสานไปยังบริษัทเพื่อเร่งรัดการออกและส่งกรมธรรม์ให้แก่ผู้ร้อง โดยแต่ละบริษัทได้ติดต่อไปยังผู้ร้องเพื่อดำเนินการจัดส่งกรมธรรม์ให้แก่ผู้ร้องแล้ว อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบไปยังบริษัทกรณีการออกกรมธรรม์ล่าช้าพบว่าเกิดจากปัญหา 2 ส่วน คือ (1) ปริมาณผู้ซื้อกรมธรรม์ประกันภัยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) มีจำนวนมาก ทำให้ระบบตรวจสอบและออกกรมธรรม์ของบริษัทไม่สามารถรองรับปริมาณคำขอที่มีจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ (2) ยังขาดการบริหารจัดการจำนวนพนักงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบคำขอและคีย์ข้อมูลให้เพียงพอต่อปริมาณคำขอที่มีจำนวนมาก ดังนั้น เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนผู้ทำประกันภัย สำนักงาน คปภ. จึงกำชับและเร่งรัดให้บริษัทประกันภัยจัดให้มีมาตรการในการป้องกันปัญหา โดยให้บริษัทจัดตั้งทีมงานขึ้น เพื่อเร่งรัดการตรวจสอบและออกกรมธรรม์ให้กับประชาชนทั้งหมดโดยเร็ว รวมทั้งเร่งปรับปรุงระบบเทคโนโลยีให้สามารถรองรับปริมาณความต้องการที่มีเป็นจำนวนมากตั้งแต่กระบวนการรับคำขอจนถึงการออกกรมธรรม์ประกันภัยให้กับประชาชน

“สำนักงาน คปภ. ให้ความสำคัญกับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนด้านการประกันภัยเป็นอย่างยิ่ง โดยคณะทำงานเฉพาะกิจฯ นี้ จะ monitor การดำเนินงานของบริษัทประกันภัยในเรื่องประกันภัยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อย่างใกล้ชิด เพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัยอย่างเต็มที่ ดังนั้น ประชาชนที่ซื้อกรมธรรม์ประกันภัยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ไว้ จึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ตามสัญญาประกันภัยด้วยความถูกต้อง รวดเร็วและเป็นธรรม ทั้งนี้หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท กลางห้างดังชลบุรี

ชลบุรี 26 มิ.ย. – คนร้ายควงปืนบุกชิงทอง 38 บาท ห้างดังกลางเมืองชลบุรี ระหว่างหนีเจอตำรวจนอกเครื่องแบบ คนร้ายยิงปืนใส่ 1 นัด โดนหมวกกันน็อก ตำรวจหลบทันแย่งปืนได้ แต่คนร้ายวิ่งหลบหนี คนร้ายชายสวมเสื้อแขนยาวสีเทาดำสวมหมวกสีชมพูใส่แมสก์ปิดบังใบหน้ากางเกงขายาว ทำทีเข้ามาซื้อทองภายในร้านทอง ในห้างสรรสินค้าย่านบ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี ก่อนจะชักปืนออกมาจี้บังคับพนักงานให้หยิบ สร้อยคอทองคำรูปพรรณหนัก 10 บาท จำนวน 2 เส้น และหนัก 9 บาท จำนวน 2 เส้น ก่อนจะเอาทองใส่กระเป๋าแล้วรีบวิ่งหลบหนีออกจากห้าง ระหว่างหลบหนี มีตำรววิ่งไล่ติดตามคนร้าย และตำรวจนอกเครื่องแบบที่มาทำธุระเห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปจับกุม แต่ถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่สุดท้ายสามารถแย่งปืนจากคนร้ายเอาไว้ได้ พนักงานร้านทอง เล่าว่าตอนเกิดเหตุเป็นช่วงกำลังจัดร้านเพราะเพิ่งเปิดมีผู้ก่อเหตุสวมหมวกสีชมพู ใส่แมสก์ปิดบังใบหน้าเข้ามาขอดูทองหนัก 10 บาท จึงบอกให้ถอดหมวกและแมสก์ แต่พูดยังไม่ทันขาดคำผู้ก่อเหตุได้ชักปืนออกมาพร้อมกับจี้บังคับให้เอาทองหนัก 10 บาท มาให้สองเส้นและสร้อยคอหนัก 9 บาทอีกสองเส้น รวมเป็น 4 เส้น น้ำหนักรวม […]

ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone สอยร่วง 4 ลำโดรนไม่ทราบฝ่าย

กองทัพเรือ 26 มิ.ย.-ทร. ยอมรับใช้ Anti-Drone ตอบโต้โดรนไม่ทราบฝ่ายที่บินเหนือฐานชายแดนจันทบุรีช่วงต้นสัปดาห์ สอยร่วง 4 ลำ พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ ระบุถึงกรณี จนท.เฝ้าตรวจการณ์นาวิกโยธิน ใช้ Anti-Drone ตัดสัญญาณโดรน ไม่ทราบฝ่ายตก 4 ลำ ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกำลังจันทบุรีตราด ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า โดรนไม่ทราบฝ่าย บินเหนือฐาน ชายแดนจันทบุรี ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ Anti-Drone ยิงตกไป 4 ลำ ทั้งนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลายวันแล้ว และเป็นไปตามที่ได้ชี้แจง ถึงแนวทางปฏิบัติของกองทัพเรือไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยกองทัพเรือมีมาตรการควบคุมการใช้โดรนบริเวณแนวชายแดน และแจ้งเตือนหากมีโดรนเข้ามาในเขตหวงห้ามก็จะใช้มาตรการต่อต้านโดรน.-313.-สำนักข่าวไทย

สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย. – เลขาธิการ กพฐ. สั่งเด้ง ผอ.ไข่พะโล้ พร้อมตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทันที เซ่นปมมื้อเช้าเด็กนักเรียน ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ กรณีโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จัดอาหารมื้อเช้าให้นักเรียนเป็นข้าว พะโล้ไก่ กับไข่ต้ม 1 ใบนั้น สพฐ.ได้รับทราบเหตุและไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอนโดยทันที เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนและเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย พร้อมทั้งให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าวไปปฏิบัติหน้าที่ยังสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ เป็นการชั่วคราวจนกว่ากระบวนการจะเสร็จสิ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านการบริหารภายในสถานศึกษา โดย สพฐ. จะกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ได้กำชับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่งให้กำกับติดตามสถานศึกษาในสังกัดให้ดำเนินการโครงการต่างๆ ตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักเรียนและครูต่อไป.-417-สำนักข่าวไทย

เลื่อน! “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ลงทะเบียน 1 ก.ค.

25 มิ.ย. – เลื่อน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” 5 แสนสิทธิ์ ประชาชนเริ่มลงทะเบียน 1 ก.ค. เวลา 08.00 น. เดินทางได้ตั้งแต่ 4 ก.ค. – 31 ต.ค.68 เมื่อวานนี้ (24 มิ.ย.) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่าครม. มีมติเห็นชอบโครงการและรายการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 110,000 ล้านบาท จากกรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท หนึ่งในนั้นคือโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง วงเงิน 1,750 ล้านบาท โดยมีการแจ้งว่า จะเริ่มเปิดลงทะเบียนให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการ 5 แสนสิทธิ์ เที่ยงคืนที่ผ่านมา และสามารถเที่ยวได้ 1 ก.ค.เป็นต้นไป แต่ปรากฏว่า มีการแจ้งเลื่อนเมื่อคืนนี้เช่นกัน โดย ผู้ว่าการ ททท. แจ้งว่าจะเปิดลงทะเบียนวันที่ 1 กรกฎาคม เวลา 08.00 น. […]

ข่าวแนะนำ

มือปืนเรียกชื่อก่อนรัวยิง “เสี่ยเปี๊ยก” ดับต่อหน้าภรรยา

กาญจนบุรี 26 มิ.ย. – สุดโหด! 2 คนร้ายเรียกชื่อก่อนรัวยิงไม่นับ สังหาร “เสี่ยเปี๊ยก” นักธุรกิจและผู้กว้างขวางเมืองกาญจนบุรี เสียชีวิตต่อหน้าภรรยา ตำรวจพุ่ง 3 ปม “ชู้สาว-ขัดแย้งส่วนตัว-ธุรกิจ” ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยนาทีสังหารนายสิทธิกร หรือ เสี่ยเปี๊ยก อายุ 51 ปี ในขณะที่เสี่ยเปี๊ยกเดินมากับภรรยา กำลังจะขึ้นรถกระบะสีดำ จังหวะที่เสี่ยเปี๊ยกจะเปิดประตูฝั่งคนขับ คนร้าย 2 คน ลงมาจากรถยนต์ที่จอดอยู่ใกล้กัน คนแรกเรียกชื่อ “เสี่ยเปี๊ยก” พร้อมกับเดินตรงเข้าไปใช้ปืนจ่อยิงศีรษะเสี่ยเปี๊ยกหลายนัดจนล้มลง ก่อนคนร้ายอีกคนเดินตามกระหน่ำยิงซ้ำอีกหลายนัด จากนั้นพากันขึ้นรถขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ส่วนภรรยาของเสี่ยเปี๊ยกเดินอ้อมมาเห็นศพสามีก็กรีดร้องด้วยความตกใจ ตะโกนขอความช่วยเหลือ บริเวณลานจอดรถหน้าร้านวัสดุก่อสร้างชื่อดังริมถนนบายพาส (เลี่ยงเมือง) จ.กาญจนบุรี เมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. วานนี้ (25 มิ.ย.) ภายหลังเกิดเหตุ ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่กู้ภัย ตรวจสอบสภาพศพเสี่ยเปี๊ยก พบร่องรอยกระสุนเจาะเข้าตามศีรษะ ใบหน้า ต้นคอ ลำตัว และแขน รวม […]

ตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย ซุกหน้าจวนผู้ว่าฯ พังงา

พังงา 26 มิ.ย.- ตำรวจพังงา พร้อมเจ้าหน้าที่ EOD นำกำลังเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัย ซุกหน้าจวนผู้ว่าฯ พังงา ตำรวจพังงา พร้อมด้วยตำรวจชุด EOD นำกำลังเข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิด ซุกอยู่บริเวณหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ล่าสุดเจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบและปิดกั้นพื้นที่ ไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในจุดดังกล่าว โดยการตรวจสอบพบวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ ตำรวจพังงาจับกุม 2 คนร้ายชาวปัตตานี พร้อมกับรถยนต์ที่ซุกระเบิดแสวงเครื่องไว้ภายในรถ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ข้อมูลเบื้องต้นตำรวจชุดสืบสวนระบุว่า ตำรวจแกะรอยจากการไล่กล้องวงจรปิด พบคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์คันเดียวกับที่ใช้ก่อเหตุที่กระบี่ มาก่อเหตุที่พังงา.-สำนักข่าวไทย

ส่องโผ ครม. แพทองธาร ½ จัดทัพเริ่มนิ่ง

อสมท 26 มิ.ย. – ส่องโผ ครม. แพทองธาร ½ “ภูมิธรรม” นั่งรองนายกฯ ควบ มท.1 ด้าน กล้าธรรม “นฤมล” คุมนั่ง รมว.ศึกษาฯ ขณะที่ “สุชาติ ตันเจริญ” ชื่อติดนั่ง รมว.แรงงาน ความเคลื่อนไหวในการปรับคณะรัฐมนตรี แพทองธาร ½ สำหรับโผการจัด ครม. ล่าสุด กระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย นั่งรองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยมีรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย 2 ตำแหน่ง คือ นายเดชอิศม์ ขาวทอง และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ กระทรวงกลาโหม พล.อ.สุนัย ประภูชะเนย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ส่วนรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร นายชูศักดิ์ ศิรินิล […]

นายกฯ ให้กำลังใจทหาร ขอบคุณที่เสียสละ ขออดทนอดกลั้น

สระแก้ว 26 มิ.ย.- นายกฯ ให้กำลังใจทหาร ขอให้อดทนอดกลั้น ขอบคุณที่เสียสละ พร้อมพบปะนักเรียนแนวชายแดน มอบอุปกรณ์การเรียน-กีฬา ก่อนไปตรวจหลุมหลบภัย เวลา 13.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร กองร้อยทหารพราน 1202 บ้านป่าไร่ ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยไปดูบังเกอร์ของหน่วยดังกล่าว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดีใจที่ได้มาพบกัน และให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร ว่าต้องมาประจำที่ห่างไกลจากครอบครัว ต้องขอขอบคุณที่เสียสละทุ่มเทแรงกายแรงใจ ทหารคือรั้วของชาติ การมาประจำการอยู่ใกล้ชิดชายแดนขนาดนี้ ต้องอดทน อดกลั้น เพราะมีสิ่งยั่วยุอยู่มากมาย ในการรักษาความสงบเรียบร้อย อดทนอดกลั้นเพื่อให้การทำงานราบรื่น พร้อมย้ำว่าอะไรที่ต้องการ รัฐบาลสนับสนุน ขอให้บอกมาเลย ยืนยันไม่ลืมเรื่องการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ และสวัสดิการ จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางมาที่โรงเรียนตระเวนชายแดนประชารัฐบำรุง 1 ตำบลป่าไร่ อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เมื่อเดินทางมาถึง นายกรัฐมนตรีได้เข้าไปทักทายนักเรียนในห้องเรียนต่างๆ โดยนักเรียนแต่ละห้องได้โชว์กิจกรรมที่เกี่ยวกับการเรียนที่แตกต่างกันไปให้นายกรัฐมนตรีชม ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะมอบอุปกรณ์การเรียน นม ขนม […]