18 เม.ย. – สภากาชาดไทยขยายความช่วยเหลือประชาชนไปยังหมู่บ้านถูกปิดเพื่อป้องกันโควิด-19 และกลุ่มอาชีพอิสระซึ่งถูกให้หยุดงานหรือเลิกจ้าง โดยส่งเสริมให้ทำเกษตรผสมผสาน เพื่อลดค่าใช้จ่ายครัวเรือน ส่วนมูลนิธิเครือเจริญโภคภัณฑ์บริจาคหน้ากากอนามัย พร้อมขนส่งถึงโรงพยาบาลที่ขาดแคลนทั่วประเทศ
นายกฤษฎา บุญราช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาด กล่าวว่า ได้แจ้งนายกเหล่ากาชาดจังหวัดทุกจังหวัดให้สนับสนุนชุดยังชีพธารน้ำใจ สภากาชาดไทย สำหรับผู้กักตนเองเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ล่าสุดเพิ่มกลุ่มเป้าหมายไปถึงประชาชนซึ่งอาศัยในหมู่บ้านที่มีการประกาศปิดหมู่บ้านหรือชุมชน เพื่อป้องกันความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโรค มีความยากลำบากในการทำมาหากิน และมีฐานะยากจน อีกกลุ่มคือ ผู้มีอาชีพอิสระนอกระบบประกันสังคม และที่มีฐานะยากจน ไม่สามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้ โดยหลังถูกให้พักงานหรือเลิกจ้างได้กลับมาอาศัยอยู่ในพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชน เช่น ลูกจ้างใช้แรงงาน กลุ่มคนขับรถรับจ้างสาธารณะ หรือผู้ให้บริการนวดแผนโบราณ เป็นต้น
สภากาชาดไทยยังส่งเสริมการดำรงชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสืบสาน รักษา และต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และแนวพระราชดำริต่างๆ ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงให้นายกเหล่ากาชาดจังหวัดรณรงค์ให้ครอบครัวคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัด สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัด อาสาสมัครเหล่ากาชาดจังหวัด และครอบครัวสมาชิกยุวกาชาดภายในจังหวัด ริเริ่มเป็นครอบครัวตัวอย่างทำเกษตรผสมผสานด้วยการปลูกผัก พืชสวนครัว เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ และ/หรือเลี้ยงปลาไว้ในบริเวณที่พักอาศัยตามสภาพแวดล้อมของพื้นที่ สำหรับรับประทานในครอบครัว และ/หรือแบ่งปันให้เพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ สามารถเรียนรู้วิธีการจากโรงเรียนในพื้นที่ ซึ่งได้ดำเนินการอยู่แล้วตามโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวันสำหรับนักเรียนในถิ่นทุรกันดารตามพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โครงการบ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง โครงการซอยนี้มีรักปลูกผักแบ่งปัน และโครงการทหารพันธุ์ดี เป็นต้น
นายกฤษฎา กล่าวต่อว่า สภากาชาดไทยได้รับการสนับสนุนหน้ากากอนามัย (surgical mask) จากมูลนิธิเครือเจริญโภคภัณฑ์ เพื่อมอบให้บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานสัมผัสและใกล้ชิดกับผู้ป่วยมากที่สุด จึงขอให้เหล่ากาชาดจังหวัดประสานงานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เป็นเลขานุการคณะกรรมการฯ สำรวจและประมาณการความต้องการใช้หน้ากากอนามัยของหน่วยบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขของรัฐ คือโรงพยาบาลศูนย์/เขต/ประจำจังหวัด และโรงพยาบาลชุมชนประจำอำเภอ/ศูนย์บริการทางการแพทย์ระดับชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล รวมไปถึงอาสาสมัครมูลนิธิ องค์กรการกุศลที่สนับสนุนการปฏิบัติงานทางการแพทย์ในการช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุหรือสาธารณภัยต่างๆ โดยขอให้ประมาณการจำนวนหน้ากากอนามัยให้ครอบคลุมทุกหน่วยบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขของรัฐในจังหวัดของแต่ละเดือน แล้วส่งมายังสำนักงานบริหารกิจการเหล่ากาชาดภายในวันที่ 22 เมษายนนี้
“การส่งมอบหน้ากากอนามัยให้แต่ละจังหวัดไม่ได้ใช้งบประมาณของทางราชการ โดยมูลนิธิเครือเจริญโภคภัณฑ์ผู้บริจาคจะขนส่งหน้ากากอนามัยเหล่านั้นไปยังแต่ละพื้นที่โดยตรง” นายกฤษฎา กล่าว .-สำนักข่าวไทย