ทำเนียบฯ 15 เม.ย.- ครม.อนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ฎ.ยกเว้นรัษฎากร มาตรการภาษีสนับสนุนการบริจาคให้แก่สภากาชาดไทย ผ่านระบบ e-Donation หักลดหย่อน 2 เท่า หวังส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมสนับสนุนการให้บริการสภากาชาดไทย
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลง ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ (15 เม.ย.) ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ฎ.ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไป และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการ เพื่อช่วยส่งเสริมให้มีการบริจาคให้แก่สภากาชาดไทย และเพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการบริจาค เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสภากาชาดไทย จึงเห็นควรยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ให้แก่บุคคลธรรมดา บริษัทและห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคเงิน หรือทรัพย์สินให้แก่สภากาชาดไทย
ทั้งนี้ มาตรการภาษีดังกล่าวเป็นไปสำหรับการบริจาคเงิน หรือทรัพย์สินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากรให้แก่สภากาชาดไทย ที่ได้บริจาคตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 – วันที่ 31 ธันวาคม 2565โดยบุคคลธรรมดา สามารถหักลดหย่อนได้เป็นจำนวน 2 เท่าของจำนวนเงินที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาสำหรับโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบแล้ว ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่าย และหักลดหย่อนอื่น ๆ แล้ว
ส่วน บริษัท หรือ ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สามารถหักรายจ่ายได้ 2 เท่าของรายจ่ายที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาสำหรับโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบเป็นการทั่วไปโดยไม่เก็บค่าบริการใด ๆ ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ หรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา
ทั้งนี้ มาตรการทางภาษีดังกล่าว ส่งผลให้ภาครัฐจัดเก็บภาษีลดลงตลอดระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ประมาณ 180 ล้านบาท แต่จะเป็นการ ส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมสนับสนุนการให้บริการสภากาชาดไทย ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพด้านการสาธารณสุขของประเทศให้ดีขึ้น และลดงบประมาณของรัฐ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการเงินของสภากาชาดไทย ประชาชนได้รับบริการด้านสาธารณสุขที่มีคุณภาพ ลดภาระการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลในด้านสาธารณสุข .-สำนักข่าวไทย