พม.14 เม.ย.-พม.เปิดตัวโครงการ พม.“เราไม่ทิ้งกัน” ลงพื้นที่สำรวจ 286ชุมชน ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งเด็ก คนพิการ สูงอายุ คนตกงาน ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน ขาดแคลนอาหาร แม่เลี้ยงเดี่ยว ไม่มีค่านมลูก ไม่ได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท ฯลฯ
นางพัชรี อาระยะกุล รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รองปลัด พม.) ในฐานะโฆษก พม.เป็นประธานการแถลงข่าว Kick Off โครงการ พม.“เราไม่ทิ้งกัน” ภายใต้แนวคิด “สำรวจให้พบ จบที่ชุมชน” เพื่อเร่งช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในพื้นที่ กทม.จำนวน 286 ชุมชน ที่อยู่ในความดูแลของการเคหะแห่งชาติ (กคช.) และ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช.
นางพัชรี กล่าวว่า พม.ได้ขับเคลื่อนโครงการฯ ดังกล่าว เพื่อเร่งช่วยเหลือผู้สูงอายุ เด็ก และคนพิการที่ถูกทอดทิ้งไม่มีคนดูแล ผู้ตกงาน ผู้ที่ไม่มีที่อยู่อาศัย ผู้ที่ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน ผู้ขาดแคลนอาหาร แม่เลี้ยงเดี่ยว แม่ที่ไม่มีค่านมลูก ผู้ปกครองที่ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมบุตรหลาน ผู้ที่ไม่ได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท ตามเงื่อนไขของรัฐบาลและครอบครัวได้รับผลกระทบจากการกักตัวกลุ่มเสี่ยง รวมทั้งผู้ได้รับความเดือดร้อนด้านต่างๆในชุมชน
“ขณะนี้ได้รวบรวมข้อมูล 286 ชุมชน ทั้งรายชื่อชุมชน ข้อมูลพื้นฐานทั่วไป และรายชื่อผู้ประสานงาน และจะดำเนินการสำรวจข้อมูลเพิ่มเติม ได้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค สภาพปัญหา ความต้องการ สวัสดิการสังคมที่ได้รับแล้วจากรัฐและกระทรวงฯ และผลดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา จากนั้นจะนำข้อมูลทั้งหมดมาสังเคราะห์ และวางแผนในการลงพื้นที่ช่วยเหลือชุมชนตามระดับความเร่งด่วนของปัญหาและความต้องการ” นางพัชรี กล่าว
สำหรับแผนขับเคลื่อนโครงการฯ จะมีการลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ในชุมชนให้ประชาชนรับทราบและเข้ามามีส่วนร่วม แจ้งข้อมูลตนเองและครอบครัวกับผู้ประสานงานชุมชน ด้วยแผ่นป้ายและโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ หอกระจายข่าวในชุมชน และสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งภายในสัปดาห์นี้จะทำให้ทราบข้อมูลทั้งหมดของ 286 ชุมชน เพื่อนำไปจัดทำแผนฟื้นฟูชุมชน และจะลงพื้นที่ชุมชนแรกและชุมชนต่อๆ ไปตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป
ทั้งนี้ คาดว่าจะลงพื้นที่จนครบ 286 ชุมชน ภายในเดือนพฤษภาคมเพื่อให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเร็วที่สุด อีกทั้งสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในการพึ่งพาตนองได้ ทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาวต่อไป .-สำนักข่าวไทย