กรุงเทพฯ 13 เม.ย.-หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำทีม ส.ส.ของพรรค ลงพื้นที่เขตคลองเตย มอบสิ่งของจำเป็นช่วยเหลือ เผยชาวบ้านยังตกสำรวจไม่ได้รับเงิน 5,000 บาทอีกเป็นจำนวนมาก เสนอปรับการเยียวยาให้เป็นระบบถ้วนหน้า
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำ ส.ส.พรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ชุมชนโรงหมู เขตคลองเตย เพื่อแจกจ่ายสิ่งของจำเป็น เช่น แอลกอฮอลล์เจล หน้ากากอนามัย พร้อมทั้งนำนมสำหรับเด็กไปแจกจ่ายให้กับเด็กเล็กภายในชุมชนด้วย เนื่องจากชุมชนดังกล่าวมีกลุ่มประชากรที่เป็นเด็กอ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก พร้อมกันนี้ทีมงาน ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้สอบถามชาวบ้านถึงชีวิตความเป็นอยู่และการเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทะเบียนรับเงิน 5,000 บาท ที่มีชาวบ้านจำนวนมากยังไม่ได้รับ หรือยังไม่ได้ลงทะเบียน เนื่องจากเข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ต หรือทำไม่เป็น
นายพิธา กล่าวว่า ที่ผ่านมาทีมงานและ ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้พยายามลงพื้นที่พบปะและแจกจ่ายสิ่งของจำเป็นให้แก่ประชาชนในหลาย ๆ พื้นที่ เท่าที่ข้อจำกัดต่าง ๆ จะเอื้ออำนวย โดยนอกจากการแจกจ่ายสิ่งของจำเป็น ยังถือโอกาสสำรวจสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรสา 2019 (โควิด-19) และการเข้าถึงมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐด้วย
“ชุมชนโรงหมู เขตคลองเตย เป็นชุมชนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงและเปราะบาง รัฐคิดระบบหรือนโยบายอะไรมา ก็มักจะได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษ และยังเป็นชุมชนที่มีเด็กอ่อนอยู่ เท่าที่สำรวจมีประชากร 70% ถ้าไม่ตกงาน ก็โดนลดเงินรายได้ เราจึงอยากมาดูเรื่องนโยบายเราไม่ทิ้งกันด้วย โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มคนที่มีปัญหาเรื่องการลงทะเบียน หรือเปลี่ยนงานบ่อย สิ่งที่เคยลงในทะเบียนไว้จะไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริงและทำให้ไม่ได้รับการช่วยเหลือ จึงอยากมาดูว่าการไม่ได้เงิน 5,000 บาท มีผลมาจากอะไรและเพราะอะไร และจะสามารถช่วยเหลืออะไรได้บ้าง” นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวอีกว่า อีกปัญหาหนึ่ง คือ เรื่องการตกสำรวจ เช่น ในชุมชนนี้ ตามทะเบียนบอกว่ามีประชากร 200 ครัวเรือน แต่พอสำรวจจริง ๆ มี 550 ครัวเรือน คนที่ตกสำรวจแน่นอนว่าจะไม่มีโอกาสได้รับการช่วยเหลือ ซึ่งนี่เป็นตัวอย่างแค่เขตเดียว แต่ทั่วประเทศ เชื่อว่ามีคนตกสำรวจหรือไม่ สามารถขอรับสิทธิได้อีกเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเพราะลงทะเบียนไม่เป็น หรือลงทะเบียนผิด หรือไม่ผ่านการคัดกรองก็ตาม
“ผมคิดว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาคัดกรองตรงนี้ ผมคิดว่าคงต้องเปลี่ยนวิธีคิดให้เป็นการดูแลถ้วนหน้าว่าจะทำอย่างไร ที่จะให้ประชาชนตั้งหลักได้ในสามเดือนแรก จากลงทะเบียน 25 ล้านคน จะมีคนที่ได้ 9 ล้านคนและไม่ได้อีกสิบกว่าล้านคนที่ต้องผิดหวัง ต้องมารอลุ้นว่าตกลงแล้วเข้าเกณฑ์หรือไม่เข้าเกณฑ์ ทั้ง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจริง ๆ ตรงนี้เราจะดูแลเขาอย่างไร วันนี้เราพยายามลงพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นในการลงทะเบียนรับเงิน 5,000 บาท พอลงได้อีกสักที่หรือสองที่ ก็น่าจะได้ข้อสรุปบางอย่าง แต่เท่าที่สำรวจมาถึงวันนี้ ส่วนตัวคิดว่าสุดท้ายจะต้องปรับให้เป็นการเยียวยาถ้วนหน้า ในประเทศอื่นหลาย ๆ ประเทศก็เริ่มที่จะเริ่มคิดแบบนี้แล้ว ให้เป็นรายได้ขั้นต่ำถ้วนหน้า” นายพิธา กล่าว
ส่วนการป้องกันตนเองของชาวบ้านจากการแพร่ระบาดของไวรัสนั้น นายพิธา กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ชุมชนแออัดแบบนี้ การทำมาตรการ social distancing เป็นไปได้ค่อนข้างยาก บ้านหลังหนึ่งอยู่กัน 4 คน สิ่งที่ทำได้ คือ การนำหน้ากาก เจลมาแจก เพื่อให้อย่างน้อยได้ป้องกันตนเองในระดับหนึ่งได้ ซึ่งเราจะรีบลงพื้นที่ในกลุ่มที่ตกหล่นแบบนี้อีกให้ครอบคลุมที่สุด โดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้ ๆ ที่พอทำได้และรับทราบมาว่ายังไม่ได้รับการช่วยเหลือ
ด้านนายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะสมาชิกคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก สตรี คนชรา กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า สิ่งที่ตนมีความกังวล คือ กลุ่มคนที่มีความเปราะบางที่อยู่ในแต่ละพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ เด็ก รวมถึงเรื่องความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งข้อมูลจากต่างประเทศ ทั้งอังกฤษและฝรั่งเศส พบว่าความรุนแรงในครอบครัวและการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงล็อคดาวน์นี้ จึงขอเรียกร้องให้มีการดูแลชีวิตของเด็กในช่วงที่โรงเรียนกำลังปิดนี้ ที่จำเป็นจะต้องให้เด็ก ๆ ได้รับประทานอาหารที่ครบถ้วน มีอาหารกลางวันสนับสนุน และมีนมโรงเรียนให้ดื่ม และชุมชนจะต้องช่วยกันดูแลไม่ให้มีความรุนแรงเกิดขึ้นกับเด็ก รวมทั้งกรณีของความรุนแรงในครอบครัวด้วย ซึ่งแม้จะไม่ปรากฏ แต่ไม่ได้หมายความว่าเหตุการณ์จะลดน้อยลง แต่สังคมและชุมชนกำลังโฟกัสไปที่จุดอื่น ซึ่งตนเห็นว่าจำเป็นต้องมีการเพิ่มเติมอาสาสมัครและการดูแล ตลอดจนทักษะการดูแลกันในครอบครัวที่ทำให้มีความรุนแรงในครอบครัวลดลง ส่วนผู้พิการและผู้ป่วยติดเตียงหรือที่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล จะไม่สามารถที่จะเดินทางไปโรงพยาบาลได้ตามปกตินั้น ขอเรียกร้องให้ผู้ที่มีความรู้หรือศูนย์บริการสาธารณสุขลงพื้นที่ติดตามว่ามีความยากลำบากและความจำเป็นมากน้อยขนาดไหนในการจัดยา เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย
สำนักข่าวไทย