นายกฯ ประชุม ศบค.สั่งทุกหน่วยงานประเมินภาพรวมการทำงาน

ทำเนียบฯ 13 เม.ย.- นายกรัฐมนตรี ประชุม ศบค.สั่งการให้ทุกหน่วยงานประเมินภาพรวมการทำงาน พิจารณาให้ครอบคลุมทุกมิติหากจะผ่อนปรนมาตรการ ขอบคุณทุกภาคส่วนสนับสนุนรัฐบาลแก้ปัญหาโควิด-19


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 เม.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. โดยนายกรัฐมนตรีอวยพรวันสงกรานต์แก่คณะกรรมการทุกคนใน ศบค. ขอให้สุขภาพแข็งแรง มีความสุข มีความตั้งใจทำหน้าที่เพื่อประเทศและประชาชน

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงชื่นชมผลการปฏิบัติงานของรัฐบาล คณะรัฐมนตรี ข้าราชการพลเรือน ตำรวจทหาร เจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล สาธารณสุข เจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่น อาสาสมัครสาธารณสุข จิตอาสา ตลอดจนภาคธุรกิจเอกชน และประชาชนที่ร่วมกันทำงานอย่างหนัก ด้วยความอดทน เสียสละ ร่วมมือกันจนทำให้สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยดีขึ้นตามลำดับเป็นที่น่าพอใจ พร้อมพระราชทานกำลังใจให้ทุกคนหากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ประสงค์ให้พระองค์ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานเพิ่มเติม ขอให้กราบบังคมทูลฯ ได้ตลอดเวลา ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ขอให้ทั้งสองพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น นายกรัฐมนตรี และที่ประชุม ศบค.ได้ประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปี 2563 ว่า จากสถานการณ์ทั่วโลกคงจะประสบปัญหาต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องกำหนดนโยบายในการแก้ไข อาจจะประกอบด้วยการเยียวยาภาคส่วนต่าง ๆ ส่วนการดูแลช่วยเหลือในช่วงสถานการณ์โควิด-19 นายกรัฐมนตรี ได้ให้แนวทางให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการแจกจ่ายเวชภัณฑ์  รวมทั้งในส่วนของการตั้งคณะอนุกรรมการเกี่ยวกับการบริหารจัดการพัสดุสำหรับการป้องกัน ควบคุม หรือรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19 ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 9/2563 เพื่อให้เกิดการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพที่สุด ขอให้เพิ่มผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งสิ่งที่สำคัญ คือ ต้องดูแลช่วยเหลือประชาชน โดยในสถานการณ์นี้อาจจะพิจารณาใช้มาตรการพิเศษ แนวทาง ความช่วยเหลือที่ได้กำหนดแล้ว ให้นำไปใช้ให้ได้ผล ส่งความช่วยเหลือถึงประชาชนที่เดือดร้อน มอบหมายกระทรวงการคลังให้ดำเนินการพัฒนาตามแนวทางที่กำหนด ชี้แจง ให้ประชาชนเข้าใจ

นายกรัฐมนตรี ยังเล่าถึงการตรวจเยี่ยมการดำเนินการของภาครัฐ หน่วยงาน และประชาชนในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ว่า เป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี ขอให้ทุกฝ่ายมีการประเมินภาพรวมร่วมกันในการทำงานที่ผ่านมาด้วย ว่า Best and worst case จะเป็นอย่างไร จะมีการผ่อนสั้นผ่อนยาว อนุโลม และเข้มงวดในเรื่องใดบ้าง เช่น กรณีช่างตัดผม ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหาแนวทางร่วมกัน ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหลักในการประเมินมาตรการผ่อนคลาย และหากเกิดสถานการณ์เลวร้ายลง worst case จะทำอย่างไร ให้พิจารณาให้ครอบคลุม ทุกมิติ เชิงลึก เชิงกว้างและรอบคอบ เพื่อประชาชนเป็นที่ตั้ง หากมีปัญหาก็ต้องช่วยกันแก้ไข ทำงานในสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ต้องมีปัญหา แต่อย่าเกิดข้อขัดแย้งกันเอง ทุกฝ่าย ทุกคนเหนื่อย แต่ขอให้อดทนการดูแล

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการดูแลแรงงาน ให้สำนักงานประกันสังคมดูแลแรงงานที่ขึ้นทะเบียนให้ได้รับการช่วยเหลือ และให้พิจารณาผู้ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนแรงงานว่าจะสามารถหาช่องทาง แนวทาง วิธีการ ในการช่วยเหลืออย่างไรได้บ้าง เช่น ช่วยเหลือให้ลงทะเบียนให้ครบถ้วน ถูกต้อง การจัดสรรงบประมาณให้ถูกกลุ่ม ถูกความต้องการ ความจำเป็น ส่วนงบประมาณของแต่ละกระทรวงเพื่อนำมาช่วยผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ขอให้ร่วมกันพิจารณาด้วยความละเอียดถี่ถ้วน เพื่อช่วยเหลือเยียวยา รักษา ขอให้ทุกหน่วยงานร่วมคิดแบบมีวิสัยทัศน์ เปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นจากผู้อื่นที่เป็นประโยชน์


นายกรัฐมนตรี ยังได้สั่งการในที่ประชุม ศบค.  9 ประเด็น คือ 1.ให้ทุกหน่วยงานประเมินสถานการณ์ Best and Worst Case เพื่อปรับเปลี่ยนแนวทางการทำงาน  2.บันทึกเหตุการณ์โควิด-19 ในหอจดหมายเหตุเพื่อเป็นประโยชน์ในการดำเนินงานในอนาคต 3.การบูรณาการข้อมูล ความคิดเห็นของประชาชน แม้ในโซเชียลมีเดียจะโต้แย้งกัน บางข้อคิดเห็นก็มีประโยชน์ ให้พิจารณาอย่างละเอียดทั้งแผนด้านบุคคลากร แผนด้านการทำงาน เช่น การจัดเงินกู้ ก็ต้องมีคณะกรรมการคัดกรองอย่างละเอียดถี่ถ้วย 4.ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาใจใส่ ตรวจตรา ประเมิน กำกับดูแลผู้ปฏิบัติงาน หากต้องการความช่วยเหลือ หรือเจ็บป่วย ด้านใด ต้องได้รับการดูแล ต้องช่วยเหลือ 5.ด้านการกระจาย แจกจ่าย เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ ขณะนี้มีพัฒนาการที่ดีขึ้น ตอบสนอง รองรับความจำเป็นในการใช้งานได้  6.การกำหนดราคาสินค้า สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูแลอย่างใกล้ชิด กระทรวงพาณิชย์จัดทีมสร้างแนวร่วม เช่น จิตอาสา เพื่อช่วยสอดส่องดูแลให้เรียบร้อย  7.ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำสถิติ ตัวเลข เช่น การติดเชื้อ ที่มาของโรค 8.พิจารณาการใช้แอปพลิเคชั่น โดยเมื่อสำเร็จแล้ว ให้ช่วยชี้แจงให้ประชาชนผู้ใช้งานเข้าใจ ใช้งานได้จริง และ 9.ด้านโครงการวิจัยและพัฒนา ให้ศึกษาว่าขณะนี้ เวลานี้ เราทำอะไรได้บ้าง ทั้งในส่วนของการดำเนินโดยบุคลากร manmade และการใช้เทคโนโลยี รวมถึงการให้ภาคเอกชนเข้ามาช่วยเหลือ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ขอบคุณภาคเอกชนที่ให้เกียรติรัฐบาล ร่วมมือและมอบสิ่งของเครื่องใช้ รวมถึงร่วมวิจัยเพื่อแก้ไขปัญหา

ขณะที่ กระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ จำนวนเตียง เวชภัณฑ์ ที่จะรองรับผู้ป่วย เครื่องช่วยหายใจที่กระจายไปตามต่างจังหวัด ขอให้มั่นใจว่าเพียงพอรองรับ กระทรวงกลาโหมได้รายงานถึงรวมการตั้งจุดควบคุม เฝ้าระวังว่าได้ดำเนินการอย่างเข้มงวด 

ด้านกระทรวงมหาดไทย ได้รายงานการกระจายหน้ากากผ้าว่าครบตามจำนวน ได้แจกจ่ายครบ 50 ล้านชิ้นแล้ว ผ่านการดำเนินการตามแผนที่วางไว้ และการสร้างความเข้าใจกับประชาชน รวมทั้งการทำ Local Quarantine ให้ได้ผลสำเร็จ การลงโทษผู้รวมตัวมั่วสุ่ม ผ่านการดำเนินการอย่างเข้มงวด ตลอดจนมีการค้นหาผู้ป่วยเพื่อดูแล ได้ดำเนินปิดด่านทางบก 50 แห่ง อนุญาตให้สินค้าผ่านได้ ยกเว้น ประชาชน การนำเข้ามาจะให้ทยอยการเข้าตามจำนวนที่กำหนดไว้ และต้องเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติในการเดินทาง

ส่วนกระทรวงการต่างประเทศ ได้รายงานความคืบหน้ามาตรการเดินทางเข้าออกประเทศ และการดูแลคนไทยในต่างประเทศ การทะยอยนำคนไทยกลับประเทศ และการเข้ากระบวนการ State Quarantine โดยไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย โดยในส่วนของการดำเนินงานด้านการข้ามแดนของแรงงานกระทรวงการต่างประเทศได้ประสานประเทศต้นทาง และประสานฝ่ายหน่วยงานด้านความมั่นคงในการแก้ไขปัญหาด้วยแล้ว

ด้านกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้รายงานด้านการสื่อสารโทรคมนาคมและสื่อสังคมออนไลน์ และได้พัฒนาแอปพลิเคชั่นสำหรับผู้กักกันตัว App หมอชนะ ซึ่งเปิดให้คนทั่วไปดาวน์โหลด และได้นำมาใช้งานในหลายจังหวัดแล้ว ส่วนกระทรวงพาณิชย์ได้ชี้แจงเรื่องหน้ากากอนามัย ชุด PPE ที่มีฐานรับสินค้าจากต้นทางและกระจายโดยไปรษณีย์ไทยเป็นไปอย่างราบรื่น ด้านสินค้าอุปโภค บริโภค มีเพียงพอ ราคาเหมาะสม ประชาชนเข้าถึงสินค้าได้ ทั้งนี้ ขอให้มั่นใจว่ากระทรวงพาณิชย์มีมาตรการดำเนินการในกรณีที่จำเป็น และได้จัดทำเจลล้างมือธงฟ้า ราคา 39 บาท กำลังกระจายไปทั่วทุกจังหวัด

ด้านกระทรวงคมนาคม ได้รายงานการดูแลระบบขนส่งสาธารณะ การทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรค การขนส่งทางอากาศ ซึ่งได้ปิดท่าอากาศยานแล้ว 16 แห่ง และยังเปิดอยู่ 12 แห่ง ในส่วนของระบบขนส่งมวลชน ได้พิจารณาเพิ่มรถ และเพิ่มความถี่เพื่อแก้ปัญหาความแออัด

ช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ขอให้โฆษก ศบค.ขอบคุณประชาชน และผู้สนับสนุนภาคเอกชนที่ร่วมกันช่วยรัฐบาล ทั้งในสิ่งที่ขาดเหลือ และช่วยส่งเสริมมาตรการที่รัฐบาลดำเนินการอยู่.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]