นายกฯ ประชุม ศบค.สั่งทุกหน่วยงานประเมินภาพรวมการทำงาน

ทำเนียบฯ 13 เม.ย.- นายกรัฐมนตรี ประชุม ศบค.สั่งการให้ทุกหน่วยงานประเมินภาพรวมการทำงาน พิจารณาให้ครอบคลุมทุกมิติหากจะผ่อนปรนมาตรการ ขอบคุณทุกภาคส่วนสนับสนุนรัฐบาลแก้ปัญหาโควิด-19


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 เม.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. โดยนายกรัฐมนตรีอวยพรวันสงกรานต์แก่คณะกรรมการทุกคนใน ศบค. ขอให้สุขภาพแข็งแรง มีความสุข มีความตั้งใจทำหน้าที่เพื่อประเทศและประชาชน

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงชื่นชมผลการปฏิบัติงานของรัฐบาล คณะรัฐมนตรี ข้าราชการพลเรือน ตำรวจทหาร เจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล สาธารณสุข เจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่น อาสาสมัครสาธารณสุข จิตอาสา ตลอดจนภาคธุรกิจเอกชน และประชาชนที่ร่วมกันทำงานอย่างหนัก ด้วยความอดทน เสียสละ ร่วมมือกันจนทำให้สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยดีขึ้นตามลำดับเป็นที่น่าพอใจ พร้อมพระราชทานกำลังใจให้ทุกคนหากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ประสงค์ให้พระองค์ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานเพิ่มเติม ขอให้กราบบังคมทูลฯ ได้ตลอดเวลา ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ขอให้ทั้งสองพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น นายกรัฐมนตรี และที่ประชุม ศบค.ได้ประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปี 2563 ว่า จากสถานการณ์ทั่วโลกคงจะประสบปัญหาต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องกำหนดนโยบายในการแก้ไข อาจจะประกอบด้วยการเยียวยาภาคส่วนต่าง ๆ ส่วนการดูแลช่วยเหลือในช่วงสถานการณ์โควิด-19 นายกรัฐมนตรี ได้ให้แนวทางให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการแจกจ่ายเวชภัณฑ์  รวมทั้งในส่วนของการตั้งคณะอนุกรรมการเกี่ยวกับการบริหารจัดการพัสดุสำหรับการป้องกัน ควบคุม หรือรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโควิด -19 ตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 9/2563 เพื่อให้เกิดการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพที่สุด ขอให้เพิ่มผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งสิ่งที่สำคัญ คือ ต้องดูแลช่วยเหลือประชาชน โดยในสถานการณ์นี้อาจจะพิจารณาใช้มาตรการพิเศษ แนวทาง ความช่วยเหลือที่ได้กำหนดแล้ว ให้นำไปใช้ให้ได้ผล ส่งความช่วยเหลือถึงประชาชนที่เดือดร้อน มอบหมายกระทรวงการคลังให้ดำเนินการพัฒนาตามแนวทางที่กำหนด ชี้แจง ให้ประชาชนเข้าใจ

นายกรัฐมนตรี ยังเล่าถึงการตรวจเยี่ยมการดำเนินการของภาครัฐ หน่วยงาน และประชาชนในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ว่า เป็นไปด้วยความเรียบร้อยดี ขอให้ทุกฝ่ายมีการประเมินภาพรวมร่วมกันในการทำงานที่ผ่านมาด้วย ว่า Best and worst case จะเป็นอย่างไร จะมีการผ่อนสั้นผ่อนยาว อนุโลม และเข้มงวดในเรื่องใดบ้าง เช่น กรณีช่างตัดผม ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหาแนวทางร่วมกัน ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหลักในการประเมินมาตรการผ่อนคลาย และหากเกิดสถานการณ์เลวร้ายลง worst case จะทำอย่างไร ให้พิจารณาให้ครอบคลุม ทุกมิติ เชิงลึก เชิงกว้างและรอบคอบ เพื่อประชาชนเป็นที่ตั้ง หากมีปัญหาก็ต้องช่วยกันแก้ไข ทำงานในสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ต้องมีปัญหา แต่อย่าเกิดข้อขัดแย้งกันเอง ทุกฝ่าย ทุกคนเหนื่อย แต่ขอให้อดทนการดูแล

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการดูแลแรงงาน ให้สำนักงานประกันสังคมดูแลแรงงานที่ขึ้นทะเบียนให้ได้รับการช่วยเหลือ และให้พิจารณาผู้ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนแรงงานว่าจะสามารถหาช่องทาง แนวทาง วิธีการ ในการช่วยเหลืออย่างไรได้บ้าง เช่น ช่วยเหลือให้ลงทะเบียนให้ครบถ้วน ถูกต้อง การจัดสรรงบประมาณให้ถูกกลุ่ม ถูกความต้องการ ความจำเป็น ส่วนงบประมาณของแต่ละกระทรวงเพื่อนำมาช่วยผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ขอให้ร่วมกันพิจารณาด้วยความละเอียดถี่ถ้วน เพื่อช่วยเหลือเยียวยา รักษา ขอให้ทุกหน่วยงานร่วมคิดแบบมีวิสัยทัศน์ เปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นจากผู้อื่นที่เป็นประโยชน์


นายกรัฐมนตรี ยังได้สั่งการในที่ประชุม ศบค.  9 ประเด็น คือ 1.ให้ทุกหน่วยงานประเมินสถานการณ์ Best and Worst Case เพื่อปรับเปลี่ยนแนวทางการทำงาน  2.บันทึกเหตุการณ์โควิด-19 ในหอจดหมายเหตุเพื่อเป็นประโยชน์ในการดำเนินงานในอนาคต 3.การบูรณาการข้อมูล ความคิดเห็นของประชาชน แม้ในโซเชียลมีเดียจะโต้แย้งกัน บางข้อคิดเห็นก็มีประโยชน์ ให้พิจารณาอย่างละเอียดทั้งแผนด้านบุคคลากร แผนด้านการทำงาน เช่น การจัดเงินกู้ ก็ต้องมีคณะกรรมการคัดกรองอย่างละเอียดถี่ถ้วย 4.ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาใจใส่ ตรวจตรา ประเมิน กำกับดูแลผู้ปฏิบัติงาน หากต้องการความช่วยเหลือ หรือเจ็บป่วย ด้านใด ต้องได้รับการดูแล ต้องช่วยเหลือ 5.ด้านการกระจาย แจกจ่าย เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ ขณะนี้มีพัฒนาการที่ดีขึ้น ตอบสนอง รองรับความจำเป็นในการใช้งานได้  6.การกำหนดราคาสินค้า สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูแลอย่างใกล้ชิด กระทรวงพาณิชย์จัดทีมสร้างแนวร่วม เช่น จิตอาสา เพื่อช่วยสอดส่องดูแลให้เรียบร้อย  7.ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำสถิติ ตัวเลข เช่น การติดเชื้อ ที่มาของโรค 8.พิจารณาการใช้แอปพลิเคชั่น โดยเมื่อสำเร็จแล้ว ให้ช่วยชี้แจงให้ประชาชนผู้ใช้งานเข้าใจ ใช้งานได้จริง และ 9.ด้านโครงการวิจัยและพัฒนา ให้ศึกษาว่าขณะนี้ เวลานี้ เราทำอะไรได้บ้าง ทั้งในส่วนของการดำเนินโดยบุคลากร manmade และการใช้เทคโนโลยี รวมถึงการให้ภาคเอกชนเข้ามาช่วยเหลือ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ขอบคุณภาคเอกชนที่ให้เกียรติรัฐบาล ร่วมมือและมอบสิ่งของเครื่องใช้ รวมถึงร่วมวิจัยเพื่อแก้ไขปัญหา

ขณะที่ กระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ จำนวนเตียง เวชภัณฑ์ ที่จะรองรับผู้ป่วย เครื่องช่วยหายใจที่กระจายไปตามต่างจังหวัด ขอให้มั่นใจว่าเพียงพอรองรับ กระทรวงกลาโหมได้รายงานถึงรวมการตั้งจุดควบคุม เฝ้าระวังว่าได้ดำเนินการอย่างเข้มงวด 

ด้านกระทรวงมหาดไทย ได้รายงานการกระจายหน้ากากผ้าว่าครบตามจำนวน ได้แจกจ่ายครบ 50 ล้านชิ้นแล้ว ผ่านการดำเนินการตามแผนที่วางไว้ และการสร้างความเข้าใจกับประชาชน รวมทั้งการทำ Local Quarantine ให้ได้ผลสำเร็จ การลงโทษผู้รวมตัวมั่วสุ่ม ผ่านการดำเนินการอย่างเข้มงวด ตลอดจนมีการค้นหาผู้ป่วยเพื่อดูแล ได้ดำเนินปิดด่านทางบก 50 แห่ง อนุญาตให้สินค้าผ่านได้ ยกเว้น ประชาชน การนำเข้ามาจะให้ทยอยการเข้าตามจำนวนที่กำหนดไว้ และต้องเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติในการเดินทาง

ส่วนกระทรวงการต่างประเทศ ได้รายงานความคืบหน้ามาตรการเดินทางเข้าออกประเทศ และการดูแลคนไทยในต่างประเทศ การทะยอยนำคนไทยกลับประเทศ และการเข้ากระบวนการ State Quarantine โดยไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย โดยในส่วนของการดำเนินงานด้านการข้ามแดนของแรงงานกระทรวงการต่างประเทศได้ประสานประเทศต้นทาง และประสานฝ่ายหน่วยงานด้านความมั่นคงในการแก้ไขปัญหาด้วยแล้ว

ด้านกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้รายงานด้านการสื่อสารโทรคมนาคมและสื่อสังคมออนไลน์ และได้พัฒนาแอปพลิเคชั่นสำหรับผู้กักกันตัว App หมอชนะ ซึ่งเปิดให้คนทั่วไปดาวน์โหลด และได้นำมาใช้งานในหลายจังหวัดแล้ว ส่วนกระทรวงพาณิชย์ได้ชี้แจงเรื่องหน้ากากอนามัย ชุด PPE ที่มีฐานรับสินค้าจากต้นทางและกระจายโดยไปรษณีย์ไทยเป็นไปอย่างราบรื่น ด้านสินค้าอุปโภค บริโภค มีเพียงพอ ราคาเหมาะสม ประชาชนเข้าถึงสินค้าได้ ทั้งนี้ ขอให้มั่นใจว่ากระทรวงพาณิชย์มีมาตรการดำเนินการในกรณีที่จำเป็น และได้จัดทำเจลล้างมือธงฟ้า ราคา 39 บาท กำลังกระจายไปทั่วทุกจังหวัด

ด้านกระทรวงคมนาคม ได้รายงานการดูแลระบบขนส่งสาธารณะ การทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรค การขนส่งทางอากาศ ซึ่งได้ปิดท่าอากาศยานแล้ว 16 แห่ง และยังเปิดอยู่ 12 แห่ง ในส่วนของระบบขนส่งมวลชน ได้พิจารณาเพิ่มรถ และเพิ่มความถี่เพื่อแก้ปัญหาความแออัด

ช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ขอให้โฆษก ศบค.ขอบคุณประชาชน และผู้สนับสนุนภาคเอกชนที่ร่วมกันช่วยรัฐบาล ทั้งในสิ่งที่ขาดเหลือ และช่วยส่งเสริมมาตรการที่รัฐบาลดำเนินการอยู่.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยกหารือเวที UN พรุ่งนี้

สวีเดน 26 ส.ค.-“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา หลังกัมพูชาใช้โล่มนุษย์ยั่วยุในพื้นที่ต่อเนื่อง เตรียมยกเรื่องนี้หารือเวที UN ที่เจนีวา พรุ่งนี้ ยันยังไม่ส่งทูตกลับ จนกว่าเขมรแสดงให้เห็นว่าจริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการหารือทวิภาคีกับนางมารีอา มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด (Maria Malmer Stenergard) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดน ถึงสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ที่มีการยั่วยุโดยใช้พลเรือนเป็นเครื่องมืออย่างต่อเนื่อง ว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่หน่วยงานในพื้นที่ต้องช่วยกันระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน เพราะเมื่อมีพลเรือนเข้ามาเกี่ยวข้อง ในการทำงานของทางทหารก็จะยากลำบาก อาจจะนำไปสู่การสร้างความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นหน่วยงานที่เป็นพลเรือนในพื้นที่ก็จำเป็นจะต้องเข้ามาดูแลและแก้ไขสถานการณ์ตรงนี้ นายมาริษ กล่าวว่า ในการพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสวีเดน ตนได้อธิบายให้เข้าใจว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่กัมพูชาพยายามใช้ ซึ่งขัดต่อความตกลงในกฎบัตรสหประชาชาติเป็นอย่างมาก เหมือนกับใช้ประชาชนและพลเรือนเป็นโล่มนุษย์ เพื่อที่จะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ซึ่งประเทศสวีเดนก็เข้าใจ และพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) ตนจะมีโอกาสได้ชี้แจงกับที่ประชุม UN ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ตนจะยกประเด็นนี้ขึ้นแสดงความห่วงกังวลว่า การใช้วิธีเอาพลเรือนมาเป็นตัวกดดัน หรือมาสร้างความตึงเครียด หรือขยายความตึงเครียดบริเวณชายแดนมากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ […]

พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์ถล่มหลายจังหวัดภาคเหนือ น่านยกระดับรับมือ

26 ส.ค. – พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์แล้ว หลายจังหวัดทางภาคเหนือมีฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก จนมีน้ำท่วมหลายพื้นที่ และต้องจับตาไปที่จังหวัดน่าน ซึ่งพายุคาจิกิเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่และเริ่มส่งผลกระทบตั้งแต่ช่วงค่ำวันนี้ ทำให้จังหวัดน่านยกรระดับมาตรการป้องกันและเตรียมรับมือกับน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม.-สำนักข่าวไทย

Gripen ที่จัดซื้อใหม่ประสิทธิภาพดีกว่าลำเดิมที่มีอยู่

สวีเดน 26 ส.ค. – แม้รัฐบาลไทยและสวีเดนได้ลงนามความร่วมมือซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีกริพเพน E และ F ไปแล้ว แต่กว่าจะได้รับเครื่อง จะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 4 ปี ระหว่างนี้จะมีการวางกรอบพัฒนาร่วมกัน แน่นอนว่ารุ่นใหม่สเปกใหม่ดีกว่ารุ่นเก่าที่เรามี แตกต่างอย่างไร ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

คนไทยรวมพลังร้องเพลงชาติกึกก้องบ้านหนองจาน

26 ส.ค. – ชาวไทยกว่า 500 คน รวมตัวร้องเพลงชาติ ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ บริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว แสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (26 ส.ค.68) ประชาชนไทยกว่า 500 คน มารวมตัวกันบริเวณชายแดนบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ชูธงไตรรงค์เหนือศีรษะ และร่วมกันร้องเพลงชาติไทย จนเสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ว่าแผ่นดินนี้คือแผ่นดินไทย และพร้อมยืนหยัดเคียงข้างกองทัพในการปกป้องอธิปไตย ชาวบ้านยังจัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็น ไปมอบให้ทหาร เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เข้าควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอความร่วมมือประชาชนที่มาร่วมชุมนุมให้อยู่ในแนวพื้นที่ที่กำหนดไว้เพื่อป้องกันการเผชิญหน้า “เจ๊เอ๋” ณัฐฐารินทร์ เกษมสารพิพัฒน์ เจ้าหนี้คนดัง บอกว่า วันนี้ประชาชนคนไทยต้องมาเผชิญหน้ากับชาวกัมพูชาด้วยตัวเอง เพราะผู้มีหน้าที่โดยตรงนิ่งเฉย ส่วนที่บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และพลโทวันชนะ สวัสดี นำคณะลงพื้นที่ พบมีชาวกัมพูชาสร้างบ้านเรือนรุกล้ำเขตไทย 18 หลัง […]