นนทบุรี 11
เม.ย.-พาณิชย์จับกุมผู้กระทำความผิดจำหน่ายหน้ากากอนามัย เจลล้างมือและแอลกอฮอล์
ล่าสุดจับทั่วประเทศเพิ่มถึง 13 ราย ส่งผลให้ยอดรวมการดำเนินคดีสูงขึ้นอยู่ที่ 298
ราย
นายสุพพัต อ่องแสงคุณ โฆษกกระทรวงพาณิชย์และศูนย์ปฏิบัติการด้านการควบคุมสินค้า
(ศปส)
ฝ่ายสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติการกรณีสินค้าอุปโภคบริโภคและเวชภัณฑ์ของกระทรวงพาณิชย์ว่า
ณ วันที่ 10 เม.ย.2563 ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ
พ.ศ.2542สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย
เจลล้างมือและแอลกอฮอล์เพิ่มอีก 13 ราย ดังนี้
กรุงเทพฯ 8
รายแบ่งเป็นผู้กระทำความผิดจำหน่ายหน้ากากอนามัยผ่านทางออนไลน์ จำนวน 3 ราย
เป็นผู้จำหน่ายผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ 1 ราย โดยทำการล่อซื้อและจับกุม
พบจำหน่ายหน้ากากอนามัยกล่องละ 50 ชิ้น ในราคากล่องละ 675บาท (เฉลี่ยชิ้นละ 13.50
บาท)รวม 10,800 ชิ้น แจ้งข้อหากระทำความผิดจำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคาสูงเกินสมควร
และเป็นผู้ผลิตไม่แจ้งต้นทุน ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิตต่อ กกร. ตามมาตรา
25 (5) จับกุมผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยผ่านทางเฟซบุ๊ก 1 ราย
จำหน่ายหน้ากากอนามัยกล่องละ 50 ชิ้นในราคากล่องละ 850บาท (เฉลี่ยชิ้นละ 17บาท)
รวม 11,745 ชิ้น
กระทำความผิดข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยแพงเกินราคาควบคุมและราคาสูงเกินสมควร ตามมาตรา25
(1) และมาตรา 29 อีก 1 ราย
ทำการล่อซื้อผ่านทางโทรศัพท์ พบจำหน่ายหน้ากากอนามัยกล่องละ 50 ชิ้น ในราคากล่องละ
680บาท (เฉลี่ยชิ้นละ 13.60 บาท)แจ้งข้อหาจำหน่ายราคาสูงเกินสมควร ตามมาตรา 29 ที่เหลืออีก 5 รายเป็นร้านค้าทั่วไป
ทั้งนี้ ได้ทำการล่อซื้อและจับกุมร้านค้าจำหน่ายหน้ากากอนามัยนำเข้า จากประเทศเวียดนาม และจีน1ราย
จำหน่ายหน้ากากอนามัยบรรจุกล่องละ 50 ชิ้น จำนวน 41 กล่อง (รวม 2,050ชิ้น) กระทำความผิดข้อหาเป็นผู้ผลิตไม่แจ้งต้นทุน
ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิตตามมาตรา 25 (5) และเป็นผู้ผลิตไม่แจ้งชื่อ
ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ต่อกกร. ตามมาตรา 26
นอกจากนี้ยังสามารถจับกุมร้านค้าทั่วไปจำหน่ายเจลล้างมือและแอลกอฮอล์
พบการกระทำความผิดในข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคา ตามมาตรา 28 จำนวน 3 ราย และ อีก 1
รายพบจำหน่ายเจลล้างมือและแอลกอฮอล์
แพงเกินราคาควบคุม ตามมาตรา 25
(1)
ส่วนในต่างจังหวัดจับกุมเพิ่ม 5 รายได้แก่
จังหวัดปทุมธานี 1 รายเป็นร้านค้าออนไลน์โดยเจ้าหน้าที่ทำการการล่อซื้อและจับกุม
พบจำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคา กล่องละ 680 บาท(เฉลี่ยชิ้นละ13.60 บาท) รวม
2,500ชิ้นจังหวัดนครราชสีมา 1ราย เป็นร้านค้าทั่วไปจำหน่ายหน้ากาอนามัย10 ชิ้น/แพค
ในราคา 200 บาท
ทั้งสองรายกระทำความผิดข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยแพงเกินคาสมควร ตามมาตรา
29 จังหวัดสมุทรสาคร 1
รายเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบริษัทผลิตเจลล้างมือ พบการกระทำความผิดข้อหาเป็นผู้ผลิตไม่แจ้งต้นทุน
ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิตต่อ กกร. ตามมาตรา 25 (5)
จังหวัดเชียงใหม่ 1 ราย
เป็นร้านค้าทั่วไปเจ้าหน้าที่ทำการจับกุมและยึดของกลางเป็นหน้ากากอนามัย จำนวน
50,000 ชิ้น กระทำความผิดจำหน่ายหน้ากกอนามัยสูงเกินราคาควบคุม ตามมาตรา 25
และจังหวัดพิษณุโลก1 รายเป็นร้านค้าทั่วไปจำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคาชิ้นละ 15.00
บาท แจ้งขอหากระทำความผิดจำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคาสูงเกินสมควร
และไม่ปิดป้ายแสดงราคาตามมาตรา 28 และมาตรา 29
ทำให้สถิติการจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เจลล้างมือและแอลกอฮอล์ มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น298
ราย แยกเป็นกรุงเทพฯ 148 ราย และต่างจังหวัด 150 ราย
สำหรับสถานการณ์การจำหน่ายไข่ไก่แพงเกินจริงทั่วประเทศ
ขณะนี้เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยไม่ได้รับรายงานพบผู้กระทำความผิดเพิ่ม
ทั้งนี้
โทษที่ผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542
ข้อหาขายเกินราคาควบคุม มาตรา 25 (1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ ข้อหาไม่แจ้งต้นทุนราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิต
ปริมาณคงเหลือ ตามมาตรา 25 (5) มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับไม่เกินวันละ 2,000 บาท
ตลอดเวลาที่ฝ่าฝืนหรือจนกว่าจะแจ้ง มาตรา
26 ข้อหาเป็นผู้ผลิตไม่แจ้งชื่อ ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย มาตรา 28 ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย มีอัตราโทษปรับไม่เกิน
1 หมื่นบาท และมาตรา 29 ข้อหาขายแพงเกินสมควรมีอัตราโทษ จำคุก ไม่เกิน 7 ปี
ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
อย่างไรก็ตาม
กระทรวงพาณิชย์ยังคงเดินหน้าตรวจสอบและจับกุมผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัย เจลล้างมือและแอลกอฮอล์ และสินค้าอื่นๆ
ที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง
เพราะถือเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
หากผู้บริโภคพบเห็นการณ์กักตุนหรือค้ากำไรเกินควร ร้องเรียนได้ทันที
ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 และ ในต่างจังหวัดร้องเรียนได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด
หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด จะมีการเข้าไปตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดทันที
.-สำนักข่าวไทย