ธอส. เพิ่มมาตรการที่ 5 พักชำระหนี้สินเชื่อบ้านทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย 1.1 ล้านบัญชี

กรุงเทพฯ  11 เม.ย.-ธนาคารอาคารสงเคราะห์
ประกาศมาตรการลดภาระให้ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส
COVID-19  เวลา  4 เดือน
สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีวงเงินกู้ทุกบัญชีรวมกันไม่เกิน 3 ล้านบาท และมีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน
35,000 บาท มีลูกค้าที่เข้าข่ายมาตรการ 1.1 ล้านบัญชี
ทั้งสถานะบัญชีปกติและสถานะบัญชีดอกเบี้ยผิดนัดหรือสถานะกฎหมาย


 

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ตามที่ ธอส. ได้จัดทำ
โครงการ
ธอส. ช่วยคนไทย ร่วมสร้างชาติ
เพื่อแบ่งเบาภาระลดค่าใช้จ่ายในการผ่อนชำระเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้าของธนาคารที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
2019 (
COVID-19)
โดยภายหลังเริ่มเปิดให้แจ้งความประสงค์เข้าใช้ 4 มาตรการของ ธอส. ผ่าน
Mobile
Application : GHB ALL ตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2563 ล่าสุด ณ วันที่
10 เมษายน 2563 เวลา 8:00 น. มีลูกค้าของธนาคารเข้ามาตรการเป็นจำนวน 170,958 บัญชี
คิดเป็นวงเงินกู้ถึง 181,927 ล้านบาท และหลังจากที่พบว่าการแพร่ระบาดของ
COVID-19
มีแนวโน้มยาวนานกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ ทำให้บ่ายวันนี้คณะกรรมการธนาคารโดย
นายปริญญา พัฒนภักดี ประธานกรรมการธนาคาร ได้มีมติเห็นชอบให้ ธอส.
จัดทำมาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบเพิ่มเติม คือ มาตรการที่ 5
พักชำระเงินต้น และดอกเบี้ย เป็นระยะเวลา 4 เดือน
สำหรับกลุ่มลูกค้าทุกวัตถุประสงค์การกู้ที่มีวงเงินกู้ทุกบัญชีรวมกันไม่เกิน 3
ล้านบาท และมีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 35,000 บาท
ครอบคลุมลูกค้าปัจจุบันของธนาคารในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางที่เข้าข่ายใช้มาตรการได้ถึง
1.1 ล้านบัญชี ทั้งสถานะบัญชีปกติ และสถานะบัญชีดอกเบี้ยผิดนัดหรือสถานะกฎหมาย ส่วนดอกเบี้ยที่พักไว้หลังจากที่ครบระยะเวลาพักชำระหนี้
4 เดือน ลูกค้าต้องทยอยผ่อนชำระเพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้ครบภายในระยะเวลา 24
เดือน และเพื่อเป็นการลดการแพร่ระบาดของ
COVID-19
จากการเดินทางไปในสถานที่สาธารณะ ธอส. จึงเปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาตรการแจ้งความประสงค์ผ่าน
Mobile Application : GHB ALL โดยไม่ต้องเดินทางไปที่สาขา
ตั้งแต่วันที่ 13 – 30 เมษายน 2563


 

การกำหนดให้ลูกค้าที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ
ธอส. ช่วยคนไทย ร่วมสร้างชาติ เข้ามาตรการผ่าน
Mobile Application : GHB
ALL ด้วยตัวเองนั้น เนื่องจากลูกค้าแต่ละรายมีความต้องการความช่วยเหลือที่แตกต่างกัน
จึงสามารถเลือกใช้มาตรการที่เหมาะสมกับตนเองได้ ทำให้ทั้ง 4
มาตรการที่ธนาคารจัดทำไปก่อนหน้านี้ได้รับผลตอบรับดี
มีลูกค้าเข้าร่วมจำนวนมากทุกมาตรการ ทั้งนี้ ลูกค้าที่ไม่เข้าเงื่อนไขตามมาตรการใด
ๆ ที่ธนาคารจัดทำ สามารถส่งข้อมูลปัญหาผลกระทบด้านรายได้ที่ท่านได้รับจากกรณี
COVID-19
ผ่าน
Mobile Application : GHB ALL โดยธนาคารจะหาแนวทางบรรเทาผลกระทบเฉพาะรายต่อไป
รวมถึงผู้ที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติตามมาตรการชดเชยรายได้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส
COVID-19  หรือ มาตรการเยียวยา 5,000 บาท
ของกระทรวงการคลังก็มีสิทธิเลือกใช้มาตรการของ ธอส.ได้เช่นกัน
นายฉัตรชัย
กล่าว

 


สำหรับลูกค้าที่เลือกใช้ทั้ง 4 มาตรการของ ธอส.
จนถึง ณ วันที่ 10 เมษายน 2563 เวลา 8:00 น. ซึ่งมีจำนวน 170,958 บัญชี
คิดเป็นวงเงินกู้ถึง 181,927 ล้านบาทนั้น สะท้อนให้เห็นว่ามาตรการที่ ธอส.
จัดทำมีความสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มที่มีความแตกต่างของดอกเบี้ยตามอายุสัญญา
แบ่งเป็น

 

มาตรการที่ 1 พักชำระเงินต้นระยะเวลา 3 เดือน
จ่ายเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน สำหรับลูกค้าที่มีสถานะบัญชีปกติ
วงเงินกู้ทุกบัญชีรวมกันไม่เกิน 3 ล้านบาท
เป็นมาตรการที่เหมาะกับกลุ่มลูกค้าที่ผ่อนชำระมาแล้วเป็นระยะเวลามากกว่า 2 ใน 3
ของระยะเวลาการผ่อนชำระตามสัญญากู้ เพราะจะมีจำนวนดอกเบี้ยในเงินงวดน้อยกว่าจำนวนเงินที่ไปหักเงินต้น
โดยมีลูกค้าใช้มาตรการแล้วจำนวน 61,445 ราย วงเงินกู้ 63,891 ล้านบาท

 

มาตรการที่ 2 พักชำระเงินต้นระยะเวลา 1 ปี
จ่ายเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน และขยายระยะเวลากู้ออกไปอีก 10 ปี
เมื่อครบกำหนดระยะเวลาที่พักชำระเงินต้นแล้วการขยายระยะเวลาการผ่อนชำระเพิ่มได้นานสูงสุดอีก
10 ปี จะทำให้เงินงวดรายเดือนของลูกค้าลดลง
เหมาะกับลูกค้าทั้งสถานะบัญชีปกติหรือสถานะบัญชี
NPL ที่มีเงินงวดแบ่งเป็นดอกเบี้ยและเงินต้นในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน
เมื่อเข้ามาตรการแล้วจะมีเงินงวดให้ผ่อนชำระรายเดือนเหลือประมาณ 50%
ของเงินงวดเดิม ซึ่งมีลูกค้าใช้มาตรการแล้วจำนวน 52,286 ราย วงเงินกู้ 63,151
ล้านบาท

 

มาตรการที่ 3 พักชำระเงินต้นระยะเวลา 6 เดือน
พร้อมลดดอกเบี้ยเหลือ 3.90% ต่อปี จ่ายเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน (กรอบวงเงินสินเชื่อ
50,000 ล้านบาท) เหมาะกับลูกค้าทั้งสถานะบัญชีปกติหรือสถานะบัญชี
NPL ที่พ้นการใช้ดอกเบี้ยตามโปรโมชั่นในช่วง
2-3 ปีแรกของสัญญากู้ จะทำให้สามารถชำระเงินงวดด้วยดอกเบี้ยที่ลดลง โดยทุก ๆ
วงเงินกู้ 1 ล้านบาท จากเคยผ่อนชำระ 6,600 บาท/เดือน จะลดลงเหลือเพียง 3,400
บาท/เดือน และมีลูกค้าใช้มาตรการแล้วจำนวน 42,472 ราย วงเงินกู้ 40,886
ล้านบาท  

 

มาตรการที่ 4 ลดดอกเบี้ยลงเหลือ 3.90% ต่อปี
และจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือนเป็นระยะเวลา 6 เดือน
สำหรับลูกค้าที่อยู่ระหว่างใช้อัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระหรืออยู่ในสถานะกฎหมาย
โดยหลังจากเปิดให้แจ้งความประสงค์ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 ล่าสุด ณ วันที่ 10
เมษายน 2563 เวลา 8:00 น. มีลูกค้าใช้มาตรการแล้วจำนวน 14,755 ราย วงเงินกู้
13,998 ล้านบาท โดยมีกรอบวงเงินสินเชื่อรวมกับมาตรการที่ 3 จำนวน 50,000
ล้านบาท 

 

ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถดาวน์โหลด Application
: GHB ALL ได้ที่ App Store หรือ
Play Store สอบถามรายละเอียดหรือติดตามข้อมูลข่าวสารของธนาคารเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์
(
Call Center) โทร 0-2645-9000 .-สำนักข่าวไทย 

 

 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยืนยัน ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ เตรียมยื่นเรื่องไปที่ “ยูเอ็น”

19 ก.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันผลตรวจสอบทุ่นระเบิดบริเวณเนิน 481 เป็นของใหม่ พบในเขตประเทศไทย คาดยังมีอีกกว่าร้อยลูกในพื้นที่ วันนี้ ที่กองบัญชาการกองกำลังสุรนารี เมื่อเวลา 15.30 น. พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นำแถลงผลการตรวจสอบทุ่นระเบิด บริเวณเนิน 481 จ.อุบลราชธานี โดย พันเอกสมโชค จันทาสี ผู้บังคับหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 ระบุว่า ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบจำนวน 7 นาย โดยจุดแรกที่เจอได้มีการวางจำนวน 3 ทุ่น ลักษณะการวางผิวดิน รัศมีห่างกัน 40 เซนซิเมตร มีใบไม้ปกคลุม ส่วนจุดที่ 2 เจอจำนวน 5 ทุ่น รัศมีการวางกระจัดกระจาย รวมที่พบทั้งหมดจำนวน 8 ลูก ซึ่งจากการกู้ระเบิดทั้ง 8 ลูก ทุ่นระเบิดมีความใหม่ ตัวอักษรชัดเจน เพราะถ้าเป็นของเก่าจะมีวัชพืชปกคลุม […]

“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน”

วัดบ้านไร่ 19 ก.ค.-“ทักษิณ” ลั่นไม่มีอีกแล้ว ใช้สัมพันธ์ส่วนตัวคุย “ฮุนเซน” หวั่นโดนอัดเทปซ้ำรอย ชี้หากพิสูจน์ได้ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดใหม่ต้องประท้วงตามกติกา ซัดหากเล่นนอกบทต้องดำเนินการ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ทหารพรานถูกเหยียบทุ่นระเบิด ที่ช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่มีกระแสข่าวว่ากว่า 80% จากการตรวจสอบเป็นระเบิดใหม่ว่า ทั้งสองฝ่ายต้องพูดคุยกัน ถ้าไม่คุยกันอยู่อย่างนี้ไม่เป็นผลดี และขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ว่าเป็นระเบิดใหม่หรือเก่า ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า แต่ล่าสุดกระแสข่าวจากภาคสองยืนยันว่ากว่า 80% เป็นระเบิดใหม่ นายทักษิณ กล่าวว่าก็ต้องว่ากันไป ก็ต้องประท้วงตามกติกา และประท้วงเสร็จก็ต้องมาคุยกันทั้งสองฝ่าย ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ฝั่งกัมพูชามักเล่นนอกเกมบ่อยๆ เราต้องรับมืออย่างไร นายทักษิณ ระบุว่าก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น ถ้าเขาทำอะไรที่นอกกติกา เราก็ต้องดำเนินการ เมื่อถามว่าถ้าพิสูจน์ได้แล้วเป็นเรื่องจริง จะร้ององค์กรโลกหรือไม่ เนื่องจากมีสนธิสัญญาออตตาวา ว่าด้วยเรื่องทุ่นระเบิด นายทักษิณ ระบุว่าที่จริงแล้ว เรามีสนธิสัญญาหลายฉบับ แต่ไม่ได้หยิบขึ้นมาใช้ เมื่อถามย้ำว่าหลังจากนี้จะไม่เจรจาโดยใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวแล้วใช่หรือไม่ นายทักษิณ ยืนยันด้วยเสียงหนักแน่นว่าไม่มีอีกแล้ว เพราะกลัวโดนอัดเทปเหมือนกัน.-313.-สำนักข่าวไทย

ศบ.ทก. เรียกถกด่วนพรุ่งนี้ นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น

กทม. 19 ก.ค.-ศบ.ทก.เรียกถกด่วน 20 ก.ค. หารือ กต. นำหลักฐานฟ้องยูเอ็น กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาออตตาวา พร้อมส่งทหารช่าง ปูพรมเก็บกู้วัตถุระเบิดช่องบก พื้นที่อธิปไตยไทย 19 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เตรียมนัด ศบ.ทก.ประชุมในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เวลา14.00 น. กำหนดแนวทางการดำเนินการ กรณีกำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบกและประสบเหตุเหยียบกับระเบิด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซึ่งจากหลักฐานพลว่าเป็นการวางกับระเบิดใหม่นั้น เบื้องต้น พล.อ.ณัฐพล ได้สั่งการกองทัพภาคที่2 เก็บข้อมูลหลักฐานทั้งหมด พร้อมให้แถลงข่าว และรายงานผลเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ทราบ เนื่องจากต้องเก็บทุกอย่างเป็นหลักฐาน เพื่อส่งให้กระทรวงการต่างประเทศต่อไป โดยในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) จะมีกระทรวงการต่างประเทศเข้ามาร่วมประชุม ศบ.ทก.ด้วย เพื่อมาให้คำแนะนำว่าขั้นตอนต่อไปในการดำเนินการ ควรจะทำอย่างไร ร่วมถึงตรวจสอบข้อมูลหลักฐานของแต่ละฝ่ายว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะแถลงเป็นทางการ ในการประชุม ศบ.ทก. 21 ก.ค.นี้ […]

สำนักพุทธฯ สั่งเข้มทุกวัด เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส.

19 ก.ค.-สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ เร่งจัดการบัญชีรายรับ-รายจ่าย ยึดตามมติ มส. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกหนังสือเวียน กำชับไปยังทุกวัดทั่วประเทศ ให้เร่งดำเนินการจัดทำบัญชีเงินฝาก รายรับ-รายจ่าย และงบดุลของวัด ให้ถูกต้องและเป็นระบบ ตามมติมหาเถรสมาคม ที่มีผลบังคับใช้แล้ว โดยการเปิดบัญชีและการเบิกถอนเงินฝากธนาคารของวัด จะต้องเปิดกับธนาคารที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกับวัด และระบุชื่อบัญชีเงินฝากเป็นชื่อวัดเท่านั้น โดยมีรายชื่อผู้มีอำนาจถอนเงินอย่างน้อย 3 คน ซึ่งในการถอนเงินต้องมีผู้ลงนามจำนวน 2 ใน 3 และมีเจ้าอาวาสลงนามด้วยทุกครั้ง โดยใช้ใบถอนเงินของธนาคารและสมุดบัญชีเท่านั้น ในส่วนของบัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้รายงานบัญชีของวัดทุกบัญชี สรุปเป็นรายเดือน จำนวน 12 เดือน ส่งสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ภายในวันที่ 20 มกราคมของปีถัดไป โดยสำเนาเอกสารไว้ที่วัดด้วยทุกฉบับ นอกจากนี้ทุกวัดควรพิจารณาใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ร่วมด้วย เพื่อแสดงข้อมูลบริจาคที่ครบถ้วน และให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ ติดตามอย่างเคร่งครัด โดยสำนักพระพุทธศาสนาฯ จะกำกับดูแล หรือประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบบัญชี และรายงานการตรวจสอบให้มหาเถรสมาคมทราบ.-สำนักข่าวไทย