กองทัพอากาศ 9 เม.ย.-ผบ.ทอ.ประธานพิธีวันกองทัพอากาศ 9 เม.ย. ปรับรูปแบบสอดคล้องมาตรการป้องกันโควิด-19 ย้ำกำลังพลพัฒนาตัวเองเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ทำหน้าที่ด้วยสำนึกรับผิดชอบ มีอุดมการณ์ เป็นทหารอาชีพ พร้อมเสียสละเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน
พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานพิธีวันกองทัพอากาศ ประจำปี 2563 โดยประกอบพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณจอมพลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ กรมหลวงพิศณุโลกประชานารถ พิธีวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์บุพการีทหารอากาศ อนุสาวรีย์อดีตผู้บังคับบัญชากองทัพอากาศ และอนุสาวรีย์ทหารอากาศ พิธีฟังสารผู้บัญชาการทหารอากาศและพิธีบำเพ็ญกุศล โดยในปีนี้กองทัพอากาศปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานให้สอดคล้องกับมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมพิธี จัดจุดคัดกรองก่อนเข้าพิธี และรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล โดยเฉพาะพิธีฟังสารผู้บัญชาการทหารอากาศได้ถ่ายทอดสดไปยังหน่วยขึ้นตรงกองทัพอากาศ(นขต.ทอ.) ผ่านระบบ IPTV ที่เว็บไซต์ www.rtaf.live แอพพลิเคชัน RTAF LIVE และเคเบิลทีวีกองทัพอากาศ
ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวในพิธีสารว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากองทัพอากาศปฏิบัติภารกิจในการป้องกันประเทศ รักษาอธิปไตยและความมั่นคงของชาติ รวมถึงสนับสนุนการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล ตลอดจนช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชนที่ประสบภัยพิบัติอย่างเต็มกำลังความสามารถ ผมขอขอบคุณและเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง เสียสละ และอดทน
พล.อ.อ.มานัต กล่าวว่า กองทัพอากาศมุ่งเน้นพัฒนาทุกด้านอย่างสมดุล โดยพัฒนากำลังทางอากาศให้มีความเข้มแข็งและทันสมัยยิ่งขึ้น เพื่อเป็นกองทัพอากาศที่ปฏิบัติภารกิจได้อย่างชาญฉลาดและมีความยั่งยืน ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงโครงสร้างกองทัพอากาศให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อตอบสนองต่อภารกิจและการดำเนินงานทุกมิติ บนพื้นฐานของความสมดุลและยั่งยืน ซึ่งผลงานและความสำเร็จทั้งหลายมาจากความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องทหารอากาศทุกคน
“สำหรับในสภาวะโลกที่เปลี่ยนแปลง ขอให้ทุกคนมีจิตใจเข้มแข็ง พัฒนาตนเองให้มีความรู้ความสามารถ มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง เพื่อเป็นบุคลากรของกองทัพที่มีความเฉลียวฉลาด รอบรู้ คิดสร้างสรรค์ได้อย่างเป็นเลิศ ทำหน้าที่ด้วยความสำนึกรับผิดชอบ มีอุดมการณ์ เป็นทหารอาชีพที่พร้อมเสียสละเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน พัฒนาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการปฏิบัติงานอยู่เสมอให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อันจะนำมาสู่การเสริมสร้างกองทัพอากาศและประเทศชาติให้มั่นคงยั่งยืนตลอดไป” ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าว
สำหรับกิจการด้านการบินของไทย เริ่มขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 6 เมื่อปี พ.ศ.2453 เมื่อนายชาร์ล ว็อง แด็ง บอร์น นักบินชาวเบลเยี่ยมนำเครื่องบินมาทำการบินแสดงให้ชาวไทยชม ณ สนามม้าสระปทุม หลังจากนั้นเพียงหนึ่งปี กระทรวงกลาโหมคัดเลือกนายทหาร 3 คนไปศึกษาวิชาการบินที่ประเทศฝรั่งเศส ประกอบด้วย นายพันตรีหลวงศักดิ์ศัลยาวุธ นายร้อยเอกหลวงอาวุธสิขิกรและ นายร้อยโททิพย์ เกตุทัต(เก-ตุ-ทัด) ซึ่งภายหลังนายทหารทั้ง 3 ได้รับเกียรติยกย่องให้เป็น “บุพการีทหารอากาศ”
ทั้งนี้ บทบาทของกำลังทางอากาศแสดงให้เห็นถึงความสำคัญและมีพัฒนาการมาเป็นลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 1กับพันธมิตรในยุโรป เมื่อปี 2460 ทำให้ชื่อเสียงและเกียรติภูมิของชาติเป็นที่ยอมรับและยกย่องเป็นอันมาก ต่อมาทางราชการได้ยกฐานะกองบินทหารบกขึ้นเป็น “กรมอากาศยานทหารบก” ในพ.ศ.2465
กระทรวงกลาโหมพิจารณาเห็นว่ากำลังทางอากาศไม่ได้มีความสำคัญเฉพาะทางด้านการทหารเท่านั้น แต่มีประโยชน์อย่างกว้างขวางต่อกิจการด้านอื่น ๆ ด้วย จึงแก้ไขการเรียกชื่อ “กรมอากาศยานทหารบก” เป็น “กรมอากาศยาน” และเป็น “กรมทหารอากาศ” ในเวลาต่อมา โดยให้อยู่ในบังคับบัญชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมโดยตรง พร้อมทั้งกำหนดยศทหารและเปลี่ยนแปลงเครื่องแบบจากสีเขียวมาเป็นสีเทาเช่นปัจจุบัน ต่อมากระทรวงกลาโหมยกฐานะ “กรมทหารอากาศ” เป็น “กองทัพอากาศ” เมื่อวันที่ 9เมษายน พ.ศ. 2480 จากนั้นจึงกำหนดให้วันที่ 9 เมษายนของทุกปีเป็นวันกองทัพอากาศ.-สำนักข่าวไทย
