กรุงเทพฯ 8 เม.ย. – นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกิตติคุณ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยครั้งแรกหลังลาออกจากทุกตำแหน่งในธนาคารกสิกรไทย แม้ช่วงวิกฤติโควิด-19 เพราะมั่นใจฝีมือคณะบริหารทุกคนจะพาผ่านวิกฤติได้ โดยจะเดินหน้าทำงานด้านสิ่งแวดล้อม ยืนยันไม่มีแนวคิดลงเล่นการเมือง แนะรัฐอย่าแก้ปัญหาด้วยการย่ำอยู่กับที่ พร้อมเตือนภาคธนาคารระวังไวรัสไฟเบอร์ที่อาจเกิดขึ้นได้
นายบัณฑูร ระบุถึงการลาออกว่า เป็นแผนที่วางไว้และเตรียมความพร้อมระยะหนึ่งแล้ว จนมีความมั่นใจจะส่งไม้ต่อให้กับผู้บริหารคนใหม่และคณะทำงานทุกคน ซึ่งการวางมือช่วงวิกฤตินี้ไม่ใช่การทิ้ง แต่เพราะมั่นใจทุกคนว่าจะสามารถพาองค์กรผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้ ซึ่งยังพร้อมให้คำปรึกษากับทุกคนเพียงแต่ไม่ได้นั่งอยู่ในที่ประชุมด้วย หลังจากนี้จะไปทำงานด้านสิ่งแวดล้อม การดูแลป่าต้นน้ำ การหาองค์ความรู้การทำเกษตรรูปแบบใหม่ที่จะทำให้เกษตรกรอยู่ร่วมกับป่าต้นน้ำได้ โดยจะทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐและฝ่ายการเมืองที่ได้รับอำนาจจากรัฐบาล และยืนยันไม่มีแนวคิดลงเล่นการเมือง
ขณะที่วิกฤติโควิด-19 มีความแตกต่างกับวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 ซึ่งครั้งนั้นเกิดขึ้นจากความโลภของมนุษย์ที่มากเกินไป พร้อมยกพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระราชทานแก่คนไทยครั้งนั้น คือ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมกับทรงรับสั่งว่า “ไม่ว่าทำอะไรก็ตาม ขอให้แน่ใจว่าถ้าวันหนึ่งถ้าพายุมา ก็อย่าถึงกับล่ม” หลังจากวิกฤติต้มยำกุ้งทุกฝ่ายจึงได้สร้างความเข้มแข็งให้ตัวเองรวมทั้งสถาบันการเงิน ปัจจุบันโครงสร้างเศรษฐกิจระบบการเงินของประเทศถือว่าตุนเสบียงไว้พอสมควร แม้เศรษฐกิจถดถอย คนไม่สามารถทำงานได้ แต่ธนาคารพาณิชย์ยังรองรับได้ แม้กำไรลดลงก็ตาม
ขณะที่มาตรการของรัฐที่ออกมา แม้ช่วยได้ระดับหนึ่ง ก็ยังไม่มั่นใจว่าครบและเพียงพอหรือไม่ หากสถานการณ์รุงแรงขึ้น ดังนั้น เงินของรัฐและในระบบสถาบันการเงินที่มียังพอช่วยได้ แต่หากรัฐไม่กู้เงินก็อาจทำให้ระบบการเงินของรัฐ รวมทั้งธนาคารเกิดการตึงตัวได้ เพราะโจทย์ใหญ่หลังวิกฤติโควิด-19 คือ การทำมาหากิน ซึ่งขณะนี้มีหลายคนตกงาน และมองว่าแนวคิดหรือองค์ความรู้เดิม ๆ ที่มีอยู่อาจใช้ไม่ได้อีกต่อไป พร้อมแนะหน่วยงานที่มีอำนาจในการบริหารประเทศ หากวิธีเดิมปัญหาแก้ไม่ได้ ก็ควรหาวิธีใหม่ ๆ อย่าย่ำอยู่กับที่ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาให้คนรากหญ้า พร้อมเตือนธนาคารยุคดิจิทัลให้ระวังและเตรียมพร้อมรับมือไวรัสไฟเบอร์ที่อาจล้มระบบธนาคารได้เหมือนกับที่ล้มคน.- สำนักข่าวไทย