ทำเนียบรัฐบาล 5 เม.ย.-นายกฯ ติดตามการบริหารจัดการน้ำในเขตพื้นที่ EEC ย้ำให้ใช้ยุทธศาสตร์การเชื่อมโยงเครือข่ายอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ และเพิ่มการใช้น้ำซ้ำ พร้อมนำแหล่งน้ำเอกชนเสริมในระบบ
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยสถานการณ์น้ำและได้ติดตามความคืบหน้าในการบริหารจัดการน้ำในเขตเศรษฐกิจพิเศษตะวันออก หรือ EEC อย่างต่อเนื่อง โดย สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) รายงานการให้ความช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยแล้งในพื้นที่ภาคตะวันออกว่า กรมชลประทานและอีสท์วอเตอร์สูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์เพื่อไปลงอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลและอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่แล้ว โดยกรมชลประทานสูบผันน้ำประแสร์-คลองใหญ่ น้ำเต็มกำลัง 6 เครื่อง ปริมาณน้ำ 300,000 ลบ.ม.ต่อวัน ระบายลงคลองน้ำแดง 120,000 ลบ.ม.ต่อวัน และไปลงอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล 180,000 ลบ.ม.ต่อวัน อีสท์วอเตอร์สูบผันน้ำอ่างฯประแสร์-อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลเต็มกำลัง 6 เครื่อง 300,000 ลบ.ม.ต่อวัน ไปลงอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลทั้งหมด ซึ่งจะทำให้มีน้ำลงอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลรวม 480,000 ลบ.ม.ต่อวัน และลงอ่างคลองใหญ่ 120,000 ลบ.ม.ต่อวัน ทั้งสองอ่างเก็บน้ำมีน้ำวันละ 600,000 ลบ.ม. ซึ่งจะช่วยทำให้สถานการณ์น้ำจังหวัดระยองดีขึ้น และสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่เขตพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกให้เพียงพอในฤดูฝนนี้ อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามการบริหารจัดการอย่างใกล้ชิด ด้วยการเชื่อมโยงเครือข่ายอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ นำแหล่งน้ำเอกชนมาเสริมในระบบเพิ่มเติม รวมทั้งรณรงค์ใช้มาตรการ 3 R (Reduce/ Resue/ Recycle) เพื่อนำน้ำกลับมาใช้ซ้ำและให้มีน้ำเพียงพอ ทั้งนี้ สาเหตุหลักมาจากปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ในปีนี้ต่ำกว่าเฉลี่ยมาก โดยบางพื้นที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเกือบร้อยละ 40 จึงทำให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ มีน้ำไม่เพียงพอใช้ในอุตสาหกรรมหรือกิจกรรมทางการท่องเที่ยวในพื้นที่ จึงขอรณรงค์ให้ใช้น้ำอย่างประหยัดในทุกพื้นที่.-สำนักข่าวไทย