ขู่เปิดเผยชื่อ-ดำเนินคดี คนไทยที่ไม่มารายงานตัว

กรุงเทพฯ 4 เม.ย. – คนไทย 158 คนที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ เมื่อคืนที่ผ่านมา ทยอยเข้ารายงานตัว หลังศูนย์โควิด-19 ของรัฐบาล กำหนดเส้นตายให้รายงานตัวภายในเวลา 18.00 น. วันนี้ คนที่มารายงานตัวระบุพร้อมกักตัว แต่เจ้าหน้าที่ไม่มีความชัดเจน ขณะที่ ผบช.สตม. ขู่ดำเนินคดีและเปิดเผยชื่อ หากไม่มารายงานตัว


นี่เป็นภาพเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อคืนที่ผ่านมา เมื่อผู้โดยสารชาวไทยที่เดินทางกลับมาจาก 3 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และกาตาร์ รวม 5 เที่ยวบิน จำนวน 158 คน ปฏิเสธเข้าสู่กระบวนการกักตัว โดยอ้างว่าไม่ทราบประกาศมาตรการดังกล่าว หลังโต้เถียงยืดเยื้อนานกว่า 4 ชั่วโมง และทำท่าจะลุกลาม เจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้าเจรจา ก่อนให้ทุกคนออกจากสนามบินได้ แต่ขอให้กักตัวเอง 14 วัน 


แต่เรื่องไม่จบ วันนี้ (4 เม.ย.) ศูนย์โควิด-19 ของรัฐบาล ออกประกาศให้ผู้โดยสารทั้ง 158 คน เข้ารายงานตัว เพื่อเข้าสู่มาตรการกักตัว กำหนดเส้นตาย 18.00 น. แต่มีผู้มารายงานตัวแล้วตั้งแต่เมื่อคืน 6 คน จึงยังเหลืออีก 152 คน ต้องมารายงานตัวที่ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (EOC) และที่ศูนย์ดำรงธรรมแต่ละจังหวัด


ผู้โดยสารคนนี้มีภูมิลำเนาอยู่ใน จ.เลย เดินทางกลับจากเยี่ยมลูกสาวและหลานสาวที่สิงคโปร์ เมื่อคืนที่ผ่านมาไปพักที่บ้านญาติใน อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ลูกสาวโทรมาบอก จึงเดินทางมารายงานตัวที่นี่ จริงๆ แล้วเตรียมบ้านเช่ากักตัวเองไว้แล้วที่ จ.เลย ยอมรับว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาไม่มีความชัดเจนเรื่องการสื่อสาร 

ขณะที่ผู้โดยสารคนอื่นๆ ก็เดินทางมาพร้อมสัมภาระ เข้ารายงานตัวและพร้อมกักตัว 14 วัน เมื่อรายงานตัว เจ้าหน้าที่ได้จัดให้นั่งรอ ก่อนพาขึ้นรถตู้ เพื่อพาไปกักตัว 14 วัน ที่โรงแรมบริเวณใกล้เคียงสนามบิน 

ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เดินทางมาติดตามสถานการณ์ พร้อมแต่งตั้งผู้รับผิดชอบแก้ปัญหาดังกล่าว ประสานคนไทยที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนรายงานตัว เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป 

ด้านผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ระบุแม้ผู้โดยสารจะมีใบรับรองแพทย์ และใบรับรองด้านสุขภาพ แต่ระหว่างทางก่อนขึ้นเครื่องบิน มีโอกาสสัมผัสสิ่งต่างๆ ที่ยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ และหากไม่มารายงานตัวภายในกำหนดเวลา จะเปิดเผยรายชื่อทั้งหมดด้วยตนเอง 

ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ยังระบุอีกว่า ผู้ที่ไม่มารายงานตัวภายในเวลา 18.00 น. วันนี้ จะมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท และ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่ออันตราย จำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สุดโหด! ไล่แทงหนุ่มดับปมขัดแย้งยาเสพติด

วงจรปิดจับภาพชัด คนร้ายวิ่งข้ามถนนไล่แทงหนุ่มเสียชีวิต ชาวบ้านแตกตื่น ขณะที่ตำรวจรวบตัวทันควัน คาดปมขัดแย้งยาเสพติด

กยศ.เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน พ.ค.-มิ.ย.68

กยศ. เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน ช่วยเหลือชั่วคราว พ.ค.-มิ.ย.68 ให้นายจ้างลดยอดการหักเงินเดือน ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อเริ่มผ่อนชำระใหม่เป็นรายเดือนในอัตราลดลง

“อ.แจ็คพันศพ” ถูกเปลวไฟพุ่งใส่ขณะเผาศพ

“อาจารย์แจ็คพันศพ” สัปเหร่อและหมอผีชื่อดัง จ.บุรีรัมย์ ถูกเปลวไฟพุ่งใส่ขณะวางดอกไม้จันทน์เผาศพ ไฟลวกทั่วร่างกาย ต้องหามส่งโรงพยาบาล  เจ้าตัวงง! เผาศพมาเป็นพัน ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้

ข่าวแนะนำ

กทม.พาสื่อดูซากตึก สตง. คาดอีก 2-3 วัน ภารกิจเสร็จสิ้น

กทม.พาสื่อลงพื้นที่ดูซากตึก สตง. ขณะนี้เคลียร์ถึงชั้นใต้ดินซึ่งเป็นจุดสุดท้าย คาดภารกิจการค้นหาผู้สูญหายและรื้อซากจะเสร็จสิ้นในอีก 2-3 วัน

เงินดิจิทัลเฟส3

นายกฯ บอกรอก่อนเงินดิจิทัลเฟส3 ยังไม่เคาะกำหนดเดิมหรือไม่

นายกฯ บอก เงินดิจิทัลฯ เฟส3 รอก่อน ยังไม่เคาะจ่ายตามกำหนดเดิมหรือไม่ ชี้เจอปัจจัยไม่คาดฝัน-ภาษีทรัมป์ ต้องฟังความเห็นครบทุกหน่วยงาน แจง เจรจาแบบดีลลับสหรัฐ พร้อมเปิดในเวลาที่เหมาะและเกิดประโยชน์สูงสุดกับไทย ย้ำทันกรอบ 90 วัน

คลั่งยิงสนั่นแม่สอด

สยบหนุ่มคลั่ง ยิงสนั่นกลางเมืองแม่สอด

ระทึก! ชายคลั่งสาดกระสุนกลางเมืองแม่สอด ชาวบ้านแตกตื่นหนีตาย สุดท้ายเปิดฉากยิงปะทะ เจอตำรวจยิงสวนโดนขา 2 นัด สิ้นฤทธิ์

ซ้อมใหญ่พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดซ้อมใหญ่พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ (วันไถหว่าน) ประจำปี 2568 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนพิธีจริงในวันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคมนี้