สำนักข่าวไทย 1 เม.ย.-รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ย้ำ การแพร่และติดเชื้อโควิด-19 เกิดการละอองฝอย ไม่ใช่ทางอากาศ ส่วนกรณีชายตายบนรถไฟ อยู่ระหว่างการสอบสวน เพราะหากป่วยโควิดรุนแรง ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ไม่สามารถออกมาอยู่ข้างนอกได้ โดยภาวะปอดอักเสบรุนแรงจะเริ่มวันที่ 8-10 ของช่วงเวลาป่วย เผยพรุ่งนี้เตรียมแถลงการสอบสวนโรคในเรือนจำนครนายก หลังมี จนท.ติด แต่ยืนยันไม่ได้ทำงานใกล้ชิดผู้ต้องขัง
นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวยืนยันการติดเชื้อและแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 มาจากละอองฝอยขนาดใหญ่ และมีการสื่อสารกันอย่างใกล้ชิดในระยะ 1 เมตร ทำให้ติดเชื้อ หลังจากกรณีที่สหรัฐมีการระบาดของโรคเป็นกลุ่มก้อน ขนาดใหญ่ แต่ไม่ใช่การติดเชื้อทางอากาศแน่นอน การที่ติดต่อของโรค เกิดการรับเอาละอองฝอย หรือ น้ำลาย บางคนได้รับเชื้อจากสภาพแวดล้อม เพราะเชื้อสามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นาน 2-3 วัน การแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด คือการทำความสะอาดพื้นผิว ล้างมือบ่อยๆ และการสวมหน้ากากอนามัย เลี่ยงสถานที่แออัด การสวมหน้ากากอนามัย จะช่วยป้องกันโรคได้ถึงร้อยละ 97 โดยคนป่วยหยุด ลดการติดต่อใกล้ชิดผู้อื่น คนไม่ป่วยสวมหน้ากากอนามัยแบบผ้าเพื่อป้องกัน
ส่วนกรณีที่ พบผู้เสียชีวิตเป็นชาย วัย 57 ปี บนรถไฟขบวนที่ 37 มุ่งหน้าไป อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ป่วยเบาหวาน และติดเชื้อโควิด-19 นั้น นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด เพราะเนื่องจากมีโรคประจำตัวและติดเชื้อโควิด การเสียชีวิตแบบเฉียบพลันค่อนข้างมาก ฉะนั้นต้องรอการตรวจสอบอย่างชัดเจน เพราะอาการของโรคโควิด-19 ที่จะพัฒนาจนเกิดการปอดอักเสบรุนแรง จะเกิดขึ้นระหว่างช่วงวันที่ 8-10 ของการติดเชื้อ จนต้องมการใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือให้ได้รับออกซิเจน ถึงจะยืนยันยชัดเจนว่าเป็นโควิด ส่วนเป็นเบาหวานที่ไม่ได้รับการควบคุม ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีอาการรุนแรง
ส่วนกรณีการพบเจ้าที่ เรือนจำ จ.นครนายก ติดเชื้อโควิด-19 นั้น นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ทางกรมราชทัณฑ์ได้มีการหารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขมาสักระยะหนึ่งแล้ว ทราบผู้ที่ป่วยติดเชื้อรายนี้ทำงานนอกเรือนจำ ไม่ได้พบปะหรอืเกี่ยวข้องกับผู้ต้องขังในเรือนจำ ส่วนกรณีกลุ่มผู้เดินทางเข้าไทย มาจากประเทศอินโดนิเซีย 19 คน ติดเชื้อโควิด-19 ขณะนี้มาตรการ มีการตรวจยืนยันเชื้อโควิด -19 เร็วขึ้น ทางสนามบินได้มีการจัดพื้นที่ให้กับนักเดินทางได้ประจำสนามบิน หากพบว่าไม่ป่วยก็สามารถเดินทางไปต่อ แต่หากพบว่าป่วยก็จะนำไปกักรักษาต่อไป .-สำนักข่าวไทย