กรุงเทพฯ28 ก.พ.- ภาคพลังงาน
ช่วยสนับสนุนทั้งอุปกรณ์ทางการแพทย์ ช่วยทำประกันแก่กลุ่มแพทย์ ล่าสุด ปตท.-GUlf-BGRIM-BLCP-กฟผ.-ปตท.สผ.กระจายช่วยหลายองค์กร
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แจ้งว่า
คณะกรรมการ กฟผ. ได้อนุมัติวงเงิน จำนวน 30 ล้านบาท
เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือโรงพยาบาล สังคม และชุมชน โดยเงินจำนวน 15 ล้านบาท
ได้มอบให้แก่โรงพยาบาลที่เป็นศูนย์หลักในการรักษาผู้ป่วย COVID-19
จำนวน 7 แห่ง สำหรับสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ มอบไปแล้ว เมื่อวันที่ 26 –
27 มีนาคม 2563 ได้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลศิริราช
โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลราชวิถี
โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า แห่งละ 2 ล้านบาท และสถาบันบำราศนราดูร จำนวน 3 ล้านบาท
และสำหรับเงินอีก 15 ล้านบาท สำหรับให้ความช่วยเหลือโรงพยาบาลในต่างจังหวัด สังคม
ชุมชน รอบเขต เขื่อน โรงไฟฟ้า กฟผ. ทั่วประเทศ ตามความต้องการของพื้นที่ อาทิ
อุปกรณ์ทางการแพทย์ หน้ากากอนามัย เจลอนามัย เป็นต้น
ด้านบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์
จำกัด (มหาชน) หรือ GULF แจ้งว่าได้มอบเงินสนับสนุนแก่โรงพยาบาลราชวิถี
4 ล้านบาท สถาบันบำราศนราดูร 4 ล้านบาท และสถาบันโรคทรวงอก 1 ล้านบาท
เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับการรักษาผู้ป่วย COVID-19
และผู้ป่วยภาวะการหายใจล้มเหลว เช่น เครื่องช่วยหายใจชนิดอัตราการไหลสูง (High
Flow Oxygen Therapy Device) เครื่องช่วยหายใจชนิดแรงดันบวกสองระดับ (BiPAP)
เครื่องช่วยหายใจชนิดเคลื่อนย้าย
และเครื่องติดตามและเฝ้าระวังสัญญาณชีพผู้ป่วยแบบศูนย์กลาง โดยก่อนหน้านี้
ได้มอบเงิน 20 ล้านให้แก่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
เพื่อจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจและเครื่องช่วยพยุงการทำงานของปอดและหัวใจหรือเครื่อง
ECMO
น.พ. อภิชาต วชิรพันธ์
ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร กล่าวว่า
ถ้าโรงพยาบาลมีเครื่องช่วยหายใจเพิ่มขึ้นจะสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีอาการปานกลางถึงหนักให้ได้รับการรักษาที่เป็นไปตามมาตรฐานและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตสูง แม้ว่าโรคนี้จะน่ากลัว แต่ก็ป้องกันได้
ถ้าทุกคนร่วมกัน Social Distancing (เว้นระยะห่างทางสังคม) และมี Social
Responsibility (ความรับผิดชอบต่อสังคม)
ถ้าร่วมมือกันเราก็จะควบคุมสถานการณ์ได้ , น.พ. เอนก กนกศิลป์ ผู้อำนวยการ สถาบันโรคทรวงอก
กล่าวว่า “เอาการของโรคโควิด-19
เป็นอาการที่เกี่ยวกับปอดและทางเดินหายใจ
ในแต่ละครั้งที่มีคนไข้ติดเชื้อเข้ามารับการรักษา จะต้องใช้เวลาเตรียมการนานกว่า 2
ชั่วโมง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดทั้งทีมแพทย์และคนไข้เอง
ซึ่งการได้เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์การแพทย์ในครั้งนี้เป็นประโยชน์อย่างมาก
บริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด (BLCP) ส่งมอบ
“หน้ากากผ้าซักได้ ทำด้วยใจ ห่วงใยสังคม”
ให้แก่ โรงพยาบาลรัฐในจังหวัดระยอง
เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับบุคลากรทางการแพทย์ต่อไป โดยร่วมกับกลุ่มงานส่งเสริมสุขภาพ
เทศบาลเมืองมาบตาพุด อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.)
เพื่อสอนทำหน้ากากผ้าซักได้ พร้อมร่วมกับวิสาหกิจผลิตภัณฑ์ผ้าชุมชนมาบชลูด
วิสาหกิจสกรีนเสื้อผ้าชุมชนตลาดห้วยโป่ง
วิสาหกิจชุมชนกลุ่มอาชีพตัดเย็บผ้าชุมชนบ้านบน จิตอาสา อสม.เกาะกก
และวิสาหกิจกลุ่มบริการซักอบรีดประมงเรือเล็กบ้านพยูน ในการตัดเย็บ ซึ่งบริษัทฯ
จัดหาผ้าที่ได้มาตรฐานผ่านการรับรองโดย BTTG ประเทศอังกฤษ
และ Unitika ประเทศญี่ปุ่น เป็น Clean Room Class 100
ซักได้ถึง 50 ครั้ง หน้ากากผ้าทุกชิ้น เมื่อตัดเย็บเรียบร้อยแล้ว
ได้ผ่านกรรมวิธีการอบที่อุณหภูมิ 60 องศา
ด้านบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด
(มหาชน) มอบหน้ากากอนามัยแบบผ้า จำนวน
3,500 ชิ้น ให้กับ เขตจตุจักร เพื่อนำไปแจกจ่ายให้ประชาชนทั่วไป ป้องกันโควิด 19
โดยหน้ากากอนามัยส่วนหนึ่งตัดเย็บโดยจิตอาสาพระราชทาน 904 วปร. และจิตอาสา ปตท.สผ. ขณะที่บริษัท
ปตท. จำกัด (มหาชน) และองค์การเภสัชกรรม มอบแอลกอฮอล์ 30,000 ลิตร
เพื่อส่งมอบต่อไปยังโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ใช้ทำความสะอาด
ฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้
ปตท. ได้จัดหาแอลกอฮอล์เกรดคุณภาพสูงสำหรับยา (pharmaceutical
grade) จำนวน 15,000 ลิตร
ส่งมอบให้แก่องค์การเภสัชกรรม เพื่อนำไปผลิตเป็นแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อที่มีความเข้มข้น
70 เปอร์เซ็นต์ ได้ผลิตภัณฑ์จำนวน 20,000 ลิตร และ ปตท.
ได้จัดหาแอลกอฮอล์ชนิดอื่นๆ เช่น แอลกอฮอล์ 95 เปอร์เซนต์, สเปรย์
และเจลทำความสะอาดมือ เพิ่มเติมอีกประมาณ 10,000 ลิตร
เพื่อร่วมส่งมอบให้แก่กระทรวงสาธารณสุขนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ต่อไป
นอกจากนี้
ปตท.ยังจัดหาแอลกอฮอล์รวมจำนวนทั้งสิ้นกว่า 160,000 ลิตร
มาจากโรงงานเอทานอลซึ่งคาดว่าจะดำเนินการกระจายไปยังหน่วยงานของรัฐ
และโรงพยาบาลในแต่ละพื้นที่ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม
ด้านบริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์หรือ BGRIM มอบเงินบริจาค6,500,000 บาทสนับสนุนมูลนิธิรามาธิบดีฯ
ทำประกันให้กับบุคลากรทุกคน
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการมอบกำลังใจต่อการปฎิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ป่วยที่ถือเป็นกำลังสำคัญอย่างยิ่งต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิค-19
.- สำนักข่าวไทย