กทม.19 มี.ค.-รองโฆษก ตร.ยัน ไม่มีมิจฉาชีพแจกหน้ากากอนามัยฟรี แล้วป้ายยาปล้นทรัพย์ผู้เสียหายตามที่ปรากฎข่าวในโซลเชียลมิเดีย
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยกรณีมีการแชร์และส่งต่อข้อความ รูปภาพ ในลักษณะที่มีมิจฉาชีพแจกหน้ากากอนามัยฟรี แล้วป้ายยาปล้นทรัพย์ผู้เสียหายในโซลเชียลมิเดียทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนกและหวาดกลัว นั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ(ศปอส.ตร.) ตรวจสอบการนำเข้าและส่งต่อข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ บิดเบือนข้อมูล หรือ Fake News ซึ่งมีแพร่หลายในโซลเชียลมิเดีย ทำให้สังคมเกิดความสับสนและประชาชนเกิดความตื่นตระหนก จากการตรวจสอบโดย เฉพาะอย่างยิ่ง สภ.กระทู้ จว.ภูเก็ต ที่ปรากฏในโซลเชียลมิเดีย ขณะนี้ยังไม่มีการรับแจ้งเหตุในลักษณะนี้แต่อย่างใด ซึ่งหากมีการก่อเหตุขึ้นจริง ขอให้ทางผู้เสียหายหรือผู้ที่มีข้อมูล มาแจ้งความร้องทุกข์ กล่าวโทษกับทางพนักงานสอบสวน เพื่อจะได้ดำเนินคดีตามกฎหมาย และยังถือว่าเป็นการฉวยโอกาส ซ้ำเติมประชาชน ในช่วงที่ทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อCOVID-19 แต่หากเป็นการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ บิดเบือนข้อมูล หรือ Fake News จะเข้าข่ายความผิดฐาน “นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิด ความตื่นตระหนกแก่ประชาชน” มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม มาตรา 14(2) พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560
รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า ไม่ทราบว่าผู้ที่นำข้อความดังกล่าวมาเผยแพร่ในโซลเชียลมิเดียดังกล่าว ซึ่งทำให้ประชาชนเกิดความสันสนและหวาดกลัวนั้น มีจุดประสงค์อย่างไร หากตรวจพบการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ บิดเบือน หรือ Fake News ลงในระบบคอมพิวเตอร์ จะพิจารณาดำเนินคดีกับผู้นั้นอย่างเด็ดขาด ประกอบกับ ผู้ที่เผยแพร่ ข้อความหรือบทความ ว่าข่าวใดเป็นข่าวจริงหรือเป็นข่าวปลอมนั้น ขอให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินการตรวจสอบเสียก่อน พร้อมขอให้ประชาชนโปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร ในโซลเชียลมิเดีย อย่างถี่ถ้วน (อย่าเพิ่งเชื่อ อย่าเพิ่งแชร์) ให้ตรวจสอบข้อมูลข่าวสารต่างๆ ให้ดีเสียก่อน เพราะอาจตกเป็นเหยื่อ หรือ ถูกหลอกลวง หรือ อาจไปสร้างความสับสน เกิดความตื่นตระหนกแก่ผู้อื่น ซึ่งมีความผิดฐาน “เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่น่าจะเกิด ความตื่นตระหนกแก่ประชาชน” มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม มาตรา 14(5) พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560.-สำนักข่าวไทย
